13 สิ่งในรถที่ควรเช็คให้ดีก่อนเดินทาง

ในการใช้รถสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอ ย่ างที่เราควรเอาใจใส่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ การดูแลตรวจสอบเครื่องยนต์อะไหล่รถยนต์ของเราให้มีความพร้อมใช้งานอยู่เสมอ สำหรับการเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกลก็ต าม เราจะต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น ก่อนออ กเดินทางควรที่จะทำการเช็คและตรวจสอบสภาพรถของเราให้ดี มิฉะนั้นแล้วจะเป็นเหมือนกับผู้ใช้รถท่านหนึ่งที่เขาไม่เคยตรวจสอบรถของตัวเองเลย

1 ระบบไฟ

ระบบไฟส่องสว่างถือเป็นสิ่งจำเป็นอ ย่ างยิ่งในขณะฝนตก คุณจึงควรตรวจเช็คหลอ ดไฟทุกจุด ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว รวมถึงไฟตัดหมอ กหน้า-หลัง เพราะจะช่วยให้รถคันอื่นสามารถมองเห็นคุณได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางทัศนวิสัยที่ย่ำแย่ แต่หากหลอ ดไฟติดเพียงข้างเดียว อาจทำให้รถคันที่วิ่งต ามมา เข้าใจผิ ดว่ารถคุณคือมอเตอร์ไซค์ เ สี่ ย งก่อให้เกิดเหตุต ามมาได้

2 ใบปัดน้ำฝน

โดยอายุเฉลี่ยของใบปัดน้ำฝนจะอยู่ประมาณ 2 ปี แล้วแต่สภาพอากาศ ถ้าสภาพอากาศร้อนจัดอาจจะทำให้ใบย างปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ดังนั้นแล้วควรที่จะเช็คด้วยการฉีดน้ำย าล้างกระจก เพื่อที่จะดูว่าย างปัดน้ำฝนยังใช้งานได้คงสภาพอยู่หรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าไม่ดีแล้วก็ควรรีบเปลี่ยน ใบปัดน้ำฝน มีร าค าแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่รถของเรามีร าค าหลักแสนจนถึงหลักล้าน

3 เช็คระบบปรับอากาศ

สภาพอากาศ อากาศร้อนถึงร้อน มากโดยส่วนใหญ่ การเตรียมความพร้อมให้ระบบปรับอากาศสามารถทำความเย็นได้ต ามปกติถือเป็นสิ่งที่ควรดูแลเป็นอ ย่ างมาก โดยมากระบบปรับอากาศจะเริ่มอุดตันจากการไม่ได้ดูแลเรื่องกรองแอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถมีกลิ่นและไม่เย็นอ ย่ างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตรเช่นกัน จะทำให้แอร์เย็นและอากาศในรถสดชื่นยิ่งขึ้น ทั่้งนี้ การเปิดกระจกขณะขับรถ มีส่วนทำให้กรองแอร์ตันและไม่สะอาดเร็วยิ่งขึ้น

4 ย างรถยนต์

สำหรับสิ่งแรกให้คุณสังเกตลักษณะภายนอ กของตัวรถ ตัวย างรถยนต์ ว่ามีความหนาของดอ กย างดีหรือไม่ ไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ดูว่ามีรอยฉีกรอยข า ดหรือเปล่า แล้วอ ย่ าลืมที่จะหมั่นตรวจสอบดูลมย าง และขันน็อตให้แน่นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรแน่นจนเกินไป

5 ระบบเบรก

ระบบเบรก ABS ในรถยนต์รุ่นใหม่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อค เมื่อเหยียบเบรกเต็มแ ร ง ซึ่งมีประโยชน์มากบนถนนเปียกลื่น เพราะผู้ขับขี่จะยังคงสามารถควบคุมทิศทางตัวรถเพื่อเลี่ยงสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้ วิ ธีการตรวจเช็คคือให้ลองหาถนนโล่งๆและปลอ ดภั ย ขับรถด้วยความเร็วราว 30 กม./ชม. จากนั้นให้เหยียบเบรกเต็มแ ร ง หากได้ยินเ สี ยงดังจากช่วงล่าง และมีแ ร งสะท้านที่แป้นเบรกเป็นจังหวะถี่ๆ นั่นแสดงว่าระบบเอบีเอสยังคงทำงานได้ดีอยู่ แต่หากได้ยินเ สี ยงย างบดถนนดังเอี๊ยดย าวๆ นั้นก็แปลว่า ABS มีปัญหา ต้องแก้ไข

6 อะไหล่สำรอง

ตรวจดูอีกครั้งส่าย างอะไหล่และแม่แ ร งเก็บอยู่ตำแหน่งใด ตรวจเช็คลมย างอะไหล่ และให้แน่ใจว่าแม่แ ร งและด้ามขันใช้งานได้ต ามปกติ

7 เข็มขัดนิรภั ย

ตรวจเช็คว่าหัวเข็มขัดสามารถล็อคได้เรียบร้อย สายเข็มขัดมีรอยฉีดข า ดหรือไม่

8 แบตเตอรี่และสายไฟ

ตรวจดูและเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับที่กำหนด ดูเปลือ กแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอยเ สี ยห า ยหรือไม่ ตรวจดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่

9 ระดับน้ำระบบต่างๆ

ระดับน้ำหล่อเย็น ควรจะมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง หม้อน้ำควรดูว่าด้านหน้าหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุ หรือใบไม้ติดอยู่ ดูท่อย างว่ามีรอยแยกเปื่อย มีรอยฉีกข า ดหรือหลวม

10 แตร

ลองกดดู ให้แน่ใจว่าเ สี ยงแตรดังชัดเจนดีหรือไม่

11 เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้เสมอ

ติดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้ในรถเสมอเมื่อต้องเดินทางไกล ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการขับขี่รถยนต์ก็คือ การเคารพกฎจราจร มีความระมัดระวังในการขับขี่ ไม่ควรที่จะขับขี่ด้วยความเร็วสูง เว้นระยะห่างระหว่างคันหน้าให้พอ ดี มีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง ง่ายๆเท่านี้คุณก็จะขับรถอ ย่ างมีความสุข

12 เช็คน้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกจะช่วยหล่อลื่นส่วนต่างๆ ในระบบเบรก เนื่องจากต้องมีการสีของส่วนต่างๆในระบบเบรก ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ ลูกย าง ภายในแม่ปั๊มเบรก ลูกปั๊มเบรก ถ้าหากน้ำมันเบรกรั่ว หรือไม่เพียงพอ จะเกิดการสึกหรอ จนกระทั่งไม่สามารถเบรกได้ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า เ บ ร ก เ เ ต ก

โดยมากกระบอ กเก็บน้ำมันเครื่องจะอยู่บริเวณตอนหน้าของห้องเครื่อง เราสามารถสังเกตได้จากภายนอ กว่าน้ำมันเบรกข า ดหรือไม่ โดยควรให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า Min หากน้ำมันเบรกเริ่มน้อยลง มีความเป็นไปได้ถึงผ้าเบรกเริ่มสึกหรอลง ควรตรวจสอบผ้าเบรกด้วยว่ายังเหลือเพียงพอหรือไม่

13 เช็คน้ำมันเครื่อง

ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับเครื่องยนต์ นั่นคือ น้ำมันเครื่อง ถือเป็นส่วนสำคัญเป็นอ ย่ างมาก โดยให้ดึงก้านเช็คน้ำมันเครื่องในขณะที่ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับที่ก้านระบุไว้ โดยสามารถเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มลงไปได้หากน้อยกว่าที่ระบุ นอ กจากนี้ น้ำมันเครื่อง ควรทำการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 1 หมื่นโล เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และถนอมส่วนประกอบต่างๆภายในเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ เสื้อสูบ ข้ อต่อต่างๆ

สุดท้ายแล้วสำหรับ 13 สิ่ง 13 ขั้นตอนที่เรานำมาฝาก คุณสามารถเก็บบทความนี้เอาไว้ตรวจสอบสภาพรถของคุณได้เลย แล้วอ ย่ าลืมที่จะทำการเข้าศูนย์บริการต ามกำหนดระยะเวลา เพื่อที่จะตรวจสอบสภาพรถของคุณให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ

ที่มา เพจดูแลรถ Postsod