สาเหตุ ที่ต้องตั้งกฎแบบนี้ เพราะสมัยนี้ สิ่งยั่วต า ยั่วใจ มันเยอะเหลือเกิน ทั้งเรื่องกิน เที่ยว และshopping แถมธนาคารต่างๆ ก็ยังอนุมัติบั ต ร เ ค ร ดิ ต สิ น เชื่ อส่วนบุคคล ฯลฯ ให้เราอ ย่ างง่ายดาย ผมเขียนแบบนี้ เพราะเป็นคนหนึ่งที่เคยติดห นี้บัตรเครดิตมาก่อน เต็มวงเ งิ น 2 ใบ ใบละ 45,000 บ า ท
15 ปีที่แล้ว สมัยโน้นดอกเบี้ยประมาณ 27เปอร์เซน หรือ 29เปอร์เซน จำไม่ได้ สุดท้าย แก้ไม่ออก คุณพ่อรู้เข้า มาปลดห นี้ให้ แล้วก็ทำงานใช้พ่อ เคยมีน้องบางคนบอกว่า คุณพ่อคุณแม่ทราบเรื่อง แล้วก็บอกว่าห นี้ตัวเอง ต้องไปใช้เอง รับผิ ดชอบเอง เป็นแนวคิดแบบหนึ่งครับ ส่วนคุณพ่อผม
คิดต่างออกไป ท่านบอกว่าจะไปเ สี ยดอกให้ธนาคารทำไม ถ้าอย ากรับผิ ดชอบให้มาผ่อนพ่อแทน จ่ายดอกให้พ่อก็ได้ เ งิ นทองไม่รั่วไหลอยู่ภายในครอบครัว และลองคิดจริงๆ คุณพ่อผมเอาเ งิ นไปลงทุนอื่นๆ ก็ย ากจะได้ผลตอบแทน 27เปอร์เซน-29เปอร์เซน นะ อ ย่ างไรก็ต าม เจ้าดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่เ สี ยไป สำหรับผม มันเป็นเรื่องรองครับ
เรื่องหลักจริงๆ ในมุมมองผมคือ การติดห นี้ ทำให้เราเ สี ยสมาธิ พะวักพะวง ต้องคอย เอานู้น มาโปะเ งิ นนี้ บัตรโน้น มาโปะบัตรนี้ สินเชื่อนี้ไปแปะอันนั้น วันๆ ไม่ต้องทำอะไร เพราะต้องมาบริหารห นี้ ชักหน้าไม่ถึงหลังเช่นนี้ สมาธิที่เ สี ยไป มีผลอ ย่ างยิ่งยวด กับการทำงาน คนเ งิ นเดือน 15,000 เพิ่งเริ่มทำงานผมบอกได้เลยว่า ถ้าตั้งหลัก
กับการทำงานได้ดี ไม่ต้องวอกแวกเรื่องอื่น แต่ใช้สมาธิกับงาน ดูว่าเราชอบงานหรือเปล่า ความถนัดเราตรงกับงานที่ทำไหม ถ้าตั้งลำได้แล้ว ฝึกฝนพัฒนาทักษะ ให้ทำงานได้เก่ง ได้เร็ว ได้ครบถ้วน เราจะได้ขยับขึ้นไปในกลุ่มเ งิ นเดือนที่สูงกว่าได้เร็วครับ พอเ งิ นเดือนสูงขึ้นอีกหน่อย เราก็มีเ งิ นใช้จ่ายได้มากขึ้นเอง อ ย่ าไปเ สี ยสมาธิ เพราะห นี้ที่เราก่อ เอาล่ะนอกจากไม่เป็นห นี้ ผมแ น ะนำการบริหารเ งิ นดังนี้ครับ
1. เ งิ นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ถ้าบริษัทของเรามี ผมแ น ะนำให้ทุกๆ คน เลือกให้เขาหักสูงสุดครับ อาจจะ 3เปอร์เซน หรือ 5เปอร์เซน ก็สุดแท้แต่ สิ่งที่สำคัญคือ เขาหักไป บริษัทจะสมทบให้อีกเท่ากัน เช่นหักไป 3เปอร์เซน หรือ 450 บ า ท บริษัทจะสมทบให้อีก 450 บ า ท แต่ถ้าให้หัก 5เปอร์เซน 750 บ า ท
เราก็ได้อีก 750 บ า ท เพราะฉะนั้น ยิ่งให้หักมาก เรายิ่งได้เ งิ น มากครับ ส่วนนี้เป็นส่วนเ งิ นออมแรกเลยที่ควรให้หักไปครับ นอกจากได้สมทบเยอะ ยังช่วยเราออมเ งิ นได้อีกด้วย ส่วนประกันสังคม ไม่ต้องพูดถึง เพราะโดนหักอยู่แล้วอัตโนมัติ
2. เ งิ นออม / ให้พ่อแม่ คนที่ต้องให้พ่อแม่ ส่วนใหญ่จะหักให้ไปก่อนอยู่แล้ว แต่เจ้าเ งิ นออมเนี่ยสิครับ หล า ยๆ คน เอาไว้ทีหลัง คือมีเหลือเท่าไรค่อยเก็บ ซึ่งผมบอกได้เลยว่า มันจะไม่เหลือ เพราะฉะนั้นถ้าอย ากออมเ งิ นจริง เ งิ นเดือนออกปุ๊บให้รีบหยอ ดกระปุกเลยครับ แ น ะนำให้หาบัญชีฝากประจำ
แบบสะสมเท่ากันทุกเดือน จะได้ดอกเบี้ยสูงหน่อยด้วยครับ ผมยังไม่แ น ะนำการลงทุนอื่นๆ ในขั้นนี้ เพราะเ งิ น มันยังน้อยอยู่ครับ ลงทุนไปก็ป ว ดหัวต้องมาคอยเป็นห่วง ว่าเ งิ นลงทุนไปถึงไหนแล้ว เ สี ยสมาธิกับการทำงานอีก
3. ค่าใช้จ่ายประจำ ตรงนี้ล่ะครับ บอกได้เลยว่าคน กทม. ที่อยู่กับครอบครัว กับคน ตจว. ที่มาเช่าห้องอยู่ ค่าใช้จ่ายต่างกันฟ้ากับเหวครับ คนอยู่หอ เดือนหนึ่งโดนประมาณ 5,000 แน่ๆ ค่าใช้จ่ายนี้ ถ้าลดได้ ผมแ น ะนำให้ลด เช่น ค่าหอ ให้หา รูมเมทมาแชร์ คิดง่ายๆ
ค่าหอ 4,000 ถ้าได้รูมเมทมาแชร์ครึ่งหนึ่ง เราจะมีเ งิ นไว้เก็บ หรือไว้ใช้อีก 2,000 ต่อเดือนแน่ะ ทีนี้ถ้าใครบอกไม่เอาชอบความเป็นส่วนตัว ก็ให้ลองคิดดูว่า ค่าความเป็นส่วนตัว คุ้มกับ 2,000 ต่อเดือนหรือเปล่า ส่วนค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ 1,500 คงไม่ต้องบอก
ประหยัดได้ก็ประหยัด มันก็จะลดลงไปเองครับ ส่วนค่าเดินทาง ผมเอามาอยู่หมวดเดียวกัน เพราะผมว่าตรงนี้ มันควรคิดคำนวณด้วยกันเป็นภาพรวมครับ เช่น ถ้าเรายอม จ่ายค่าหอแพงหน่อย เพื่อให้อยู่ใกล้ที่ทำงานขึ้น ประหยัดค่าเดินทาง สุทธิแล้ว
ค่าใช้จ่ายเท่าๆ กัน แน่นอนเราอยู่ใกล้ที่ทำงานย่อมดีกว่าครับ นี่ยังไม่รวม เวลาเดินทาง ที่จะใช้น้อยลง ซึ่งจะช่วยลดความเหนื่อยล้า และเพิ่มพลังในการทำงานอีกนะครับ ความเห็นผม อยู่ใกล้ที่ทำงาน ถ้ารวมค่าเดินทางกับค่าหอแล้วต่างกันไม่มาก อยู่ใกล้ดีกว่าครับ มีเวลา สมาธิ ในการทำงาน หรือแม้กระทั่งจะเอาเวลาว่าง
มาหาร า ยได้เสริมได้อีกด้วย สำหรับคนที่ไม่ต้องจ่ายค่าหอ ผมขอให้มองเพื่อนๆ ที่มีภาระค่าหอครับ ถ้าเขาอยู่ได้ เราก็ต้องอยู่ได้ เ งิ นส่วนต่างตั้ง 4,000 บ า ทนั้น ผมแ น ะนำให้ออมมากขึ้นสัก 1,000-2,000 ต่อมาดูว่ามีวิ ธีไหนไหมที่จ่ายค่าเดินทาง มากขึ้นอีกหน่อย แต่ประหยัดเวลาเดินทางได้ เช่น เปลี่ยนจาก รถเมล์เป็นรถไฟฟ้า หรือพี่วินฯ เก็บพลังงานเราไว้ใช้ในการทำงานครับ สุดท้ายที่เหลือก็เอาไปกิน เที่ยวต ามใจชอบครับ
4. ค่าข้าว ค่าน้ำ รวมอยู่ด้วยกันครับ คำแ น ะนำคือ พย าย ามควบคุมค่าใช้จ่ายร า ยวันนี้ ให้อยู่ในงบ พึงระลึกไว้ว่า เ งิ นที่เหลือถัดไปจากก้อนนี้ คือ งบ shopping และเที่ยวแล้วครับ ถ้าประหยัดตรงนี้ได้ จะมีเ งิ นเหลือให้ช้อป กินดื่มได้มากขึ้น สำหรับคนเ งิ นเดือนเริ่มต้น ผมแ น ะนำให้ห่างไกลสิ่งเหล่านี้ครับ
กาแฟ ชาน มไข่มุก แก้วละ 40 บ า ท ถึง 140 บ า ท นานๆ กินทีครับ กินกาแฟฟรี ใน office ไปก่อน ถ้าเรากินกาแฟแก้วละ 50 ทุกวัน 20 วันต่อเดือน จะเป็นเ งิ น 1,000 บ า ทครับ มีค่าเท่ากับ ปาร์ตี้มันส์ๆ 1 ครั้ง บวกกับเสื้อผ้า แพลตตินัม 2 ชิ้นขึ้นไป อีกตัวเลือกหนึ่งที่ใช้แก้ง่วง แทนกาแฟ ได้ ผมแ น ะนำ หมากฝรั่งครับ 1 กล่อง 10 บ า ท มี 9 เม็ด กินได้ 2 วัน เฉลี่ยวันละ 5 บ า ท แก้ง่วงได้ แถมยังเพิ่มออกซิเจนให้สมองด้วยครับ
อาหารกลางวัน มื้อแพงๆ ถ้าไปกินกับพี่ๆ ที่ทำงาน ให้พี่ๆ มันจ่ายไปครับ ถ้าพี่ไม่เลี้ยง วันหลังไม่ต้องไปกิน เราเ งิ นเดือน 15,000 พี่เ งิ นเดือน 50,000 การใช้ชีวิตไม่เหมือนกันอยู่แล้ว จะให้ไปกินแพงๆ มื้อละ 100-200 ขึ้นไป พี่ต้องเลี้ยง สุดท้ายคือเ งิ นเหลือ เที่ยว shopping เคล็ดลับของเรื่องนี้ คืออ ย่ างนี้ครับ
คนทั่วไป มักจะเที่ยว shopping ตอนต้นเดือน ทันทีที่เ งิ นเดือนออก แล้วพอปล า ยเดือนค่อยกินแกลบ ผมแ น ะนำกลับกัน เ งิ นเดือนออกปั๊บ ออมก่อน ใช้จ่ายประจำก่อน แล้วเหลือเท่าไหร่ ตอนปล า ยเดือน ค่อยเที่ยว ค่อย shop เท่านั้น สมมติ เ งิ นเดือนออกวันที่ 31 แทนที่จะ shop วันที่ 31, 1, 2, 3 เราหัน มา shop วันที่ 30 แทนดีกว่าครับ
ใช้ให้มันหมดไปเลยก็ได้ เพราะวันรุ่งขึ้นเ งิ นใหม่จะมาแล้ว เป็นวัยรุ่น มันต้องเที่ยวต้อง shop บ้าง อ ย่ าไปฝืน อ ย่ าไปทำให้ชีวิตมันลำบากย ากแค้น มากนัก หาความสุขความสบายใส่ตัวบ้าง เพื่อให้เรา ไม่รู้สึกกดดันกับชีวิตและการเ งิ น และเราจะมีสมาธิกับการทำงานได้อ ย่ างเต็มที่ครับ
สุดท้าย ดูจากต าราง เราจะเห็นได้ว่า เฮ้ย จำนวนวันในแต่ละเดือน มีความสำคัญนะ เห็นอ ย่ างนี้เราคงรักเดือน กุมภาฯ เพิ่มขึ้นอีก และเราคงรักเดือนที่มี 30 วัน มากกว่า เดือนที่มี 31 วัน มากขึ้นอีกหน่อย ขอให้สนุกกับการบริหารเ งิ นครับ
ที่มา e-yhangwa