5 ข้ อ ใช้แผ่เมตต า ให้กับผู้คิดร้ า ยต่อเรา เป็น มงคลกับชีวิตมากขึ้น

การแผ่เมตต า เป็นสิ่งที่โบราณบัณฑิตทั้งหล า ยปฏิบัติต่อ กัน มาต ามลำดับ เพราะเห็นประโยชน์ว่า การแผ่เมตต านี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นประจำมีจิตใจอ่อนโยน เยือ กเย็นลงได้ และทำให้มองเห็นว่าการที่มนุษย์หวังดีต่อ กันนั้นเป็นทางนำให้โลกเกิดสันติ สุขได้ และเมื่อตัวเองได้รับความสุขแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องการให้เพื่อนร่วมโลกได้ รับความสุขอ ย่ างนั้นบ้าง จึงได้แผ่กระแสจิตอันเยือ กเย็นและอ่อนโยนนั้นไปยังผู้อื่น

เมตต า คือ ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น มีไมตรีจิตต่อคนและสั ต ว์ทั้งหล า ยทั่วหน้า จัดเป็นแหล่งเกิดแห่งความสุขอีกอย่ างหนึ่งทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นผู้มุ่งเจริญในธรรมพึงหมั่นเจริญอบรมเมตต า ให้เกิดในใจอยู่เสมอ เพราะเมตต า กรุณาเป็นที่อยู่อันประเสริฐของใจ การแผ่เมตต า เป็นสิ่งที่โบราณบัณฑิตทั้งหล า ยปฏิบัติต่อ กัน มาต ามลำดับ เพราะเห็นประโยชน์ว่า

การแผ่เมตต านี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นประจำมีจิตใจอ่อนโยน เยือ กเย็นลงได้ และทำให้มองเห็นว่าการที่มนุษย์หวังดีต่อ กันนั้นเป็นทางนำให้โลกเกิดสันติ สุขได้ และเมื่อตัวเองได้รับความสุขแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องการให้เพื่อนร่วมโลกได้ รับความสุขอ ย่ างนั้นบ้าง จึงได้แผ่กระแสจิตอันเยือ กเย็นและอ่อนโยนนั้นไปยังผู้อื่น พรหมวิหารธรรม

วิ ธีเจริญเมตต า พรหมวิหาร

ผู้จะเจริญเมตต า พรหมวิหาร พึงอยู่ในที่สงัด ถ้าเป็นไปได้ แม้ไม่ได้ที่สงัดก็เจริญเมตต า ได้ แต่อาจทำได้เพียงขณิกสมาธิความสงบชั่ วขณะ เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว พึงพิจารณาถึงโ ท ษของโทสะ และพิจารณาให้เห็นคุณของเมตต า ทำจิตให้อ่อนโยน แล้วแผ่เมตต า ถึงตนเองก่อนว่า ขอเราจงมีความสุข ปราศจากทุ ก ข์เถิด

ทั้งนี้เพื่อเอาตนเป็นพย านว่า เรารักสุขเ ก ลี ย ดทุ ก ข์ฉันใด คนอื่น สั ต ว์อื่นก็รักสุขเ ก ลี ย ดทุ ก ข์ฉันนั้นต่อจากนั้น พึงแผ่เมตต า ไปถึงท่านผู้มีอุปการคุณ เช่น มารดา บิดา ครู อาจารย์ เป็นต้น แล้วแผ่ไปยังคนที่ตนรัก คนที่เฉยๆ และคนที่เป็นศั ต รูคู่เ ว รต่อ กัน ในการแผ่เมตต า ให้ศั ต รูคู่เ ว รนั้น อาจมีอุปสรรคมาก ย ากที่จะทำใจให้ละมุนละไมได้ พอนึกถึงคนเช่นนั้น ความเคียดแค้นชิงชังจะเกิดขึ้นเ สี ยก่อน ถ้าเป็นดังนั้น พึงปฏิบัติดังนี้ คือ

1. พึงระลึกถึงพระจริย าของพระศาสดาทั้งในอ ดีตและปัจจุบันที่ทรงอ ดทน อ ดกลั้น ถ้ายังไม่ห า ยพึงทำต า มข้ อ 2

2. ระลึกถึงเนือง ๆ ซึ่งพระโอวาทของพระศาสดาที่ตรัสถึงโ ท ษของความโ ก ร ธและความพ ย า บ า ท ถ้ายังไม่ห า ยพึงปฏิบัติในข้ อ 3

3. พึงระลึกถึงอานิสงส์แห่งเมตต า 11 ประการที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ถ้ายังไม่ห า ยพึงปฏิบัติต า มข้ อ 4

4. พึงระลึกถึงความสัมพันธ์กันในอ ดีตระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏว่า อาจเคยเป็น มารดาบิดาเป็นต้นกัน มา ถ้ายังไม่ห า ยโ ก ร ธเ ก ลี ย ดพึงปฏิบัติต า มข้ อ 5

5. แยกธาตุ เช่น เราโ ก ร ธเ ก ลี ย ดอะไรเขา คนทุกคนเป็นประมวลแห่งดิน น้ำ ไฟ ลม เราเ ก ลี ย ดอะไร เ ก ลี ย ดดินหรือน้ำ ไฟหรือลม เป็นต้น

วิ ธี แผ่เมตต า ให้ศั ต รูคู่เ ว ร

เมื่อใจสงบลงแล้ว พึงแผ่เมตต า ให้มีขอบเขตกว้างขวางออ กไป คือทำใจให้สม่ำเสมอในคนทุกจำพวก คือตัวเราเอง คนที่เรารัก คนที่เฉยๆ และคนที่เป็นศั ต รูคู่เ ว รกัน ท่านเรียกเมตต า ชนิดนี้ว่า

เมตต า สีมสัมเภท แปลว่า ทำล า ยแดน ไม่มีเขตแดน มีเมตต า เสมอ กันในคนทั้งปวง จิตอย่ างนี้เป็นจิตที่ไม่มีเขตแดน มีเมตต า เสมอ กันในคนทั้งปวง จิตอย่ างนี้เป็นจิตที่มีความสุขอย่ างยิ่ง

การแผ่เมตต า มีอยู่ 2 วิ ธี คือ แผ่เจาะจง โอธิสสผรณา เช่น ออ กชื่อว่า ขอให้ออ กชื่อ มีความสุข อย่ าได้มีเ ว รต่อ กัน อย่ าได้เบียดเบียนกัน อีกอย่ างหนึ่งคือ แผ่ไม่เจาะจง อโนธิสสผรณา คือ แผ่รวมๆ เช่น ขอสั ต ว์ทั้งหล า ย ขอบุคคลทั้งหล า ย จงมีความสุข อย่ าได้มีเ ว รต่อ กัน อย่ าได้เบียดเบียนกันเลย ดังนี้เป็นต้น

อานิสงส์ของเมตต า

ผู้เจริญเมตต า พึงระลึกถึงอานิสงส์ของเมตต า บ่อยๆ และแผ่เมตต า ไปในสรรพสั ต ว์ ให้ระลึกถึงอานิสงส์ของเมตต า ต า มที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้แต่ผู้ที่เจริญเมตต า แล้วจะได้อานิสงส์ 11 ประการนี้ จะต้องเป็นเมตต า เจโตวิมุติ

คำว่า เจโตวิมุติ หมายถึงว่า เป็นอัปปนา คำว่า อัปปนา คือได้ถึงขั้นฌาน ถ้าได้เจริญเมตต า จนถึงได้ฌานเพราะมีเมตต า เป็นอารมณ์ ก็จะได้อานิสงส์ 11 ประการ ครบถ้วนเต็มรูปเต็มบริบูรณ์

ถ้าเจริญเมตต า ไม่ถึงฌาน เจริญเมตต า อย่ างคนธรรมดา จะได้อานิสงส์เหมือนกัน แต่อานิสงส์จะเพลาลง ไม่เต็มรูป เหมือนกับว่าเรามีคุณสมบัติพร้อม ก็จะได้อานิสงส์พร้อม ถ้ามีคุณสมบัติไม่พร้อม อานิสงส์ที่ได้ก็กระพร่องกระแพร่งหน่อย แต่ก็ได้ต า มสมควรแก่การปฏิบัติ

วิ ธี แผ่เมตต า ให้ศั ต รูคู่เ ว ร

อานิสงส์ของเมตต า 11 ประการ

1. เป็นที่รักของมนุษย์

2. ตื่นเป็นสุข

3. เป็นที่รักของอมนุษย์

4. หลับเป็นสุข

5. ไม่ฝันร้ า ย

6. เทวดาทั้งหล า ยย่อมรั ก ษ า

7. ผู้มีเมตต า ย่อมมีสีหน้าผ่องใส

8. ผู้มีเมตต า จิตย่อมเป็นสมาธิได้เร็ว

9. ไฟก็ต า ม ย าพิ ษก็ต า ม ศัสตราอาวุธก็ต า ม จะไม่กล้ำกราย จะไม่ทำร้ า ย

10. ไม่หลงต า ย ทำกาลกิริย า

11. ถ้าไม่ได้บรรลุธรรมที่สูงขึ้นไป ก็จะได้ไปสู่พรหมโลก

วิ ธี แผ่เมตต า ให้ศั ต รูคู่เ ว ร

คำแผ่เมตต า สำหรับตนเอง

อหํ สุขิโต โหมิ นิทฺทุกฺโข อเวโร อพฺย าปชฺโฌ อนีโฆ สุขี อตฺต า นํ ปริหรามิ

ขอข้าพเจ้าจงถึงความสุข ปราศจากความทุ ก ข์ ไม่มีเ ว ร ไม่มีภั ย ไม่มีความคับแค้นใจ จงมีความสุขกายสุขใจ รั ก ษ าตนให้พ้นจากทุ ก ข์ภั ยทั้งปวงเถิด ฯ

คำแผ่เมตต า ไปสู่ผู่อื่น

สพฺเพ สตฺต า สุขิต า โหนฺตุ นิทฺทุกฺขา อเ ว รา อพฺย าปชฺฌา อนีฆา สุขี อตฺต า นํ ปริหรนฺตุ ฯ

ขอสั ต ว์ทั้งหล า ยทั้งปวง จงถึงความสุข ปราศจากความทุ ก ข์ ไม่มีเ ว ร ไม่มีภั ย ไม่มีความคับแค้นใจ จงมีความสุขการสุขใจ รั ก ษ าตนให้พ้นจากทุ ก ข์ภั ยทั้งปวงเถิด ฯ

ที่มา  verrysmilejung