ทุกครั้งที่เดินทางไกล เรามักจะต้อง ตรวจเ ช็ คสภาพรถยนต์ เพื่อความพร้อมสำหรับการเดินทางที่ปลอ ดภั ยก่อนเสมอ และแน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางไปไหนไกล เพียงแค่ขับขี่อยู่ในเมืองต ามปกติ เราก็ไม่ควรละเลยในการตรวจเ ช็ คสภาพเครื่องยนต์ของเราว่ายังทำงานปกติอยู่ไหม เพื่อเตรียมความพร้อม และป้องกันอุ บั ติ เ ห ตุที่อาจจะเกิดขึ้นอ ย่ างสุดวิสัย
การใช้รถใช้ถนน สิ่งสำคัญคือ การขับขี่ไปให้ถึงที่หมายได้อ ย่ างปลอ ดภั ย แต่ก็ต้องมาคู่กับรถในสภาพที่พร้อมสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงได้นำ 8 จุด ตรวจเ ช็ ครถก่อนออ กเดินทาง ซึ่งเป็นการตรวจเ ช็ คในเบื้องต้นด้วยตัวเอง จะมีจุดไหนบ้าง ไปดูกันเลย
1. เข็มขัดนิรภั ย
ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามมากๆ เพราะเข็มขัดนิรภั ยจะเป็นตัวช่วยไม่ให้เรากระเด็นออ กนอ กรถจนได้รับบ า ดเ จ็ บอ ย่ างหนัก หากเกิด อุ บั ติ เ ห ตุ ดังนั้นเราควรตรวจเ ช็ คว่า หัวเข็มขัดยังล็อ กได้แน่นหนาดี สายรัดเอวอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ฉีกข า ด
2. ล้อและย างรถยนต์
ตรวจเ ช็ คย างรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน มีดอ กย างเพียงพอ ไม่รั่วซึม หรือแตกล า ยงา และเติมลมย างต ามที่คู่มือประจำรถกำหนด สำหรับล้อ ก็ควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เช่นกัน ไม่คดไม่เบี้ยว รวมถึงเ ช็ คน็อตล้อด้วยว่าขันแน่นดีอยู่หรือเปล่า
3. แบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่ มีส่วนสำคัญในการสต าร์ทเครื่องยนต์ ดังนั้นเราควรตรวจดูสภาพของแบตเตอรี่ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ เ ช็ คระดับน้ำกลั่น ตรวจสอบความแน่นของขั้วแบต และทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบตด้วย
4. เ ช็ คน้ำมันเครื่อง
ซึ่งระดับของน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถเ ช็ คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง และควรจะมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถเอาไว้สัก 1 ลิตร เผื่อ กรณีฉุกเฉิน จะได้มีน้ำมันเครื่องไว้เปลี่ยนหรือเติม เพราะน้ำมันเครื่องถือเป็นสิ่งจำเป็นของระบบกลไกต่างๆในเครื่องยนต์ ควรตรวจเ ช็ คอ ย่ างสม่ำเสมอ
5. เ ช็ คระดับน้ำมันเบรก และ ระบบเบรก
น้ำมันเบรก เป็นระบบปิด ซึ่งน้ำมันเบรกจะอยู่แต่ภายในระบบเบรก จะไม่มีการระเหยเหมือนน้ำมันเชื้อเพลิง หากผ้าเบรกไม่สึก หรือมีจุดรั่ว น้ำมันเบรกจะไม่ห า ย ดังนั้นให้เราเ ช็ คว่าน้ำมันเบรกห า ยหรือเปล่า หาสาเหตุให้พบ และแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนใช้รถ หรือออ กเดินทางไกล
6. เ ช็ คระบบไฟ
ระบบไฟถือว่าจำเป็นอ ย่ างมากในการเดินทางขับขี่ด้วยรถยนต์ โดยเฉพาะตอนกลางคืน เพราะเป็นตัวให้แสงสว่าง ให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทาง รวมถึงเป็นจุดสังเกตให้รถคันอื่น มองเห็นเรา ก็จะช่วยลด อุ บั ติ เ ห ตุ ลงได้ ดังนั้นเราควรตรวจเ ช็ คทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอ ก ไฟเลี้ยว และฉุกเฉิน ให้สามารถทำงานได้อ ย่ างปกติทุกจุด
7. เ ช็ คช่วงล่าง
ช่วงล่างก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรตรวจเ ช็ ค วิ ธีเ ช็ คช่วงล่าง ให้นำรถไปวิ่งบนถนนเรียบทางตรง และสังเกตที่พวงมาลัย หากไม่ตรงก็ให้นำไปตั้งศูนย์ใหม่ รวมถึงตรวจเ ช็ คชิ้นส่วนต่างๆของช่วงล่าง เช่น ลูกหมาก หากขับทางขรุขระแล้วมีเ สี ยงกุกกัก ก็ให้เข้าศูนย์เพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย เพราะระบบช่วงล่างนั้น มีผลต่อ การทรงตัวในขณะขับเป็นอ ย่ างมาก ควรตรวจเ ช็ คให้เรียบร้อยเพื่อความปลอ ดภั ย
8. ใบปัดน้ำฝน
หล า ยคนก็อาจจะมองข้ามในส่วนนี้ไป แต่ถ้าหากคุณกำลังขับรถ แล้วเกิดฝนตกลงมาอ ย่ างหนัก มองไม่เห็นทาง ใบปัดน้ำฝนก็ยังช่วยให้คุณเห็นทางได้ดีขึ้นอยู่บ้าง ซึ่งโดยเฉลี่ยใบปัดน้ำฝนจะอยู่ได้ 2 ปี ดังนั้นเมื่อครบกำหนดก็ควรเปลี่ยน เพราะหากใบปัดน้ำฝนหมดสภาพ จะทำให้ลำบากในการขับขี่เวลาที่ฝนตกหนัก
สำหรับคนที่ต้องขับรถเป็นประจำจึงไม่ควรละเลยในการตรวจเ ช็ คสภาพรถทุกครั้งก่อนออ กเดินทาง โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางไกล เพื่อความปลอ ดภั ยและราบรื่นในการเดินทาง ที่สำคัญคือ ขับรถไม่ประมาท มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทางด้วยนะคะ
ที่มา bitcoretech