สำหรับบ้านใครใช้แอร์เป็นเครื่องผ่อนคล า ยความร้อน วันนี้เรามีเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับการใช้แอร์มาฝากกัน เพราะเชื่อว่าหล า ยๆคนกำลังมีปัญหาในเรื่องของค่าไฟที่พุ่งขึ้นสูงจนแทบจะไม่กล้าใช้แอร์ แต่ก็อ ดใจไม่ไหวที่ใช้เพราะบ้านเรานั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นเมืองที่อากาศร้อนเอามากๆ
ช่วงนี้บอ กได้เลยว่า โ ค ต ร ร้อน ร้อน โ ค ต ร ๆ ขนาดว่าประเทศเราเป็นหน้าฝนนะนี่ แต่ก็ไม่วาย อาบน้ำแล้วก็ต้องมานอนเปิดเครื่องปรับอากาศเปิดพัดลม แถมพี่ โ ค วิ ด 19 เข้ามาทำให้ต้อง work from home อีก ทั้งๆ ที่ รั ฐ บาลประกาศล ดค่าไฟแล้วก็ไม่วาย จากเคยเ สี ย 500 เพิ่มมาเป็น 5 พัน เพราะทุกคนต่างก็หยุดอยู่บ้าน ทำ ง า น ที่บ้าน ไม่ได้ออ กไปไหนเลยเพราะเคอร์ฟิว
สิ้นเดือนทีไรก็มีบิลค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระย าวเป็นหางว่าว หลัก ๆ ก็ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์มือถือ แต่มีใครเคยสังเกตตัวเลขบนบิลค่าใช้จ่ายเหล่านี้บ้างไหมเอ่ย ว่ามัน มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือนเลยเนอะ ทำให้หล า ยคนคิดหาวิ ธีคล า ยร้อนในแบบต่างๆ บางคนก็เปิดเครื่องปรับอากาศและพัดลมในเวลาเดียวกัน เพื่อช่วยให้ล ดอุณหภูมิ
ล่าสุดทาง กฟน. (MEA) ได้มีการออ กมาแนะนำวิ ธีใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ายังไงให้ประหยัด โดยการให้เปิดเครื่องปรับอากาศwร้อมพัดลมจะประหยัดไฟกว่า แต่ฟังดูแล้วหล า ยท่านก็อาจจะยังสงสัย ว่าหากเปิดทั้งเครื่องปรับอากาศและพัดลมจะประหยัดจริงๆเหรอ ซึ่งทาง กฟน.ก็ยืนยันว่าจริง แต่จะประหยัดไฟได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระบบควบคุมและเทคโนโลยีของเครื่องปรับอากาศที่ใช้ โดยได้อธิบายไว้ดังนี้
เปิดเครื่องปรับอากาศ 26 องศา แต่หากต้องการความรู้สึกเย็นสบายเท่ากับ 24 องศา ให้เปิดพัดลมช่วย โดยไม่ต้องล ดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ การเปิดเครื่องปรับอากาศwร้อมพัดลม ประหยัดไฟได้มากกว่าการล ดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ เพราะพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการระบายความร้อนจากร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยที่อุณหภูมิห้องยังคงเท่าเดิม
นอ กจากนี้ การเปลี่ยนพฤติก ร ร ม ใช้ไฟฟ้าให้เป็น ก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยค่าไฟให้เราได้เช่นกัน ใครที่กำลังกังวลกับค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ลองทำต ามวิ ธีประหยัดไฟที่เราแนะนำกันได้นะคะ รับรองว่าถ้ามีวินัยในการใช้ไฟ ค่าไฟในบ้านคุณจะล ดลงอ ย่ างฮวบฮาบเลยล่ะ
14 วิ ธีประหยัดไฟในบ้าน ล ดค่าไฟให้ได้ผลจริง
1 เลือ กใช้หลอ ดไฟฟลูออเรสเซ้นส์
2 เว้นระยะห่างการใช้ ง า น เครื่องดูดฝุ่น
3 ซักรีดเสื้อผ้าในคราวเดียว
4 ล ดการใช้แอร์
5 ถอ ดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้ ง า น
6 ใช้ ง า น อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ให้น้อยลง
7 ปิดไฟด ว งที่ไม่ได้ใช้ ง า น
8 เมินที่โกนหนวดไฟฟ้า และแปรงไฟฟ้า
9 จัดการตู้เย็นให้ส ะ อ า ดและเป็นระเบียบ
10 ลงทุนติดตั้งเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว
11 ไม่ควรปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศต่ำกว่า 26 องศา
12 ไม่รีดผ้าในห้องเครื่องปรับอากาศ เพราะเครื่องปรับอากาศจะทำ ง า น หนักเกินไป แถมยังเปลืองไฟด้วย
13 ปิดตู้เย็นให้สนิทหลังเปิดใช้ ง า น
14 ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ความเย็นยิ่งขึ้น
แต่ สื่อต่างประเทศร า ย ง า น ว่า ต ามที่ปรึกษาแ พ ท ย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับพบว่า เมื่อพัดลมเคลื่อนย้ายไปมาก็จะพัดเอาฝุ่นละอองเข้าไปในโพรงจมูกของคุณ ดังนั้นหากคุณมีอาการของ โ ร ค ห อ บหื ด,แพ้ฝุ่ น,หรือภูมิแพ้ทั่วไป นั้นอาจเป็นสัญญาณอั น ต ร า ยที่ควรร ะ วั งให้มาก
และหากพัดลมของคุณมีฝุ่นละอองเกาะติดมากมาย นั้นห ม า ยความว่า ทุกครั้งที่คุณเปิดพัดลมก็ห ม า ยความว่า กำลังเป่าฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกายของตนเอง ดังนั้นควรทำความส ะ อ า ดพัดลมเป็นประจำสม่ำเสมอ หากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ จะทำให้ โ ร ค ภั ย ถามหา โดยไม่รู้ตัว และอาจสายเกินแก้ได้
และอีก โ ร ค ที่อาจเกิดได้คือ โ ร ค ผิวหนังแห้งทำให้คัน และอาจทำให้เวลานอนไม่สามารถปิดต าได้สนิท ซึ่งเป็นสัญญาณเ ตื อ นว่าด ว งต าแห้งมาก อาจเป็นการกระตุ้นให้กับร่างกาย และสำหรับคนที่นอนหลับไม่ปิดปากก็เช่นกัน นอ กจากนี้ พัดลมจะเป่าจนทำให้โพรงจมูกแห้ง หากอาการรุนแรงกว่านี้ ก็อาจทำให้ร่างกายผลิตเมือ กที่มากผิ ดปกติ ส่งผลทำให้คุณรู้สึกคัดจมูกและป ว ดหัวได้ง่าย
ที่มาและภาพจาก กฟน. (MEA) / จั๊ด ซัดทุกความจริง, todayspot, Liekr, home.kapook sangkomonline