ในช่วงที่อากาศร้อนๆ หล า ยบ้านจำเป็นต้องพึ่งแอร์เพื่อคล า ยร้อนกัน และหล า ยๆคนอาจจะใช้รีโมทแอร์ไม่เป็น ไม่รู้ว่าปุ่มไหนต้องใช้ทำอะไร ฉนั้นวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับรีโมทแอร์มากขึ้น จะเป็นอ ย่ างไรเราไปดูกันเลย
แอร์บ้านนั้นเชื่อว่า หล า ยคนคงไม่แน่ใจว่าการตั้งค่าด้วยรีโมทแอร์นั้น มีความสำคัญอ ย่ า งไรกับการใช้แอร์ทุกวันนี้เพราะดูเหมือนว่าจะมีหล า ยระบบมากมาย เพราะน้อยคนจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อ ย่ า งถูกต้อง
มีหล า ยครั้งมากที่ต้องต ามช่ า งแอร์มาเพราะแอร์ไม่เย็น โดยสาเห ตุเ กิ ดจากการตั้งค่าด้วยรีโมทของเจ้าของเองที่ไม่รู้และไม่เข้าใจความหมายของแต่ละในรีโมทดังนั้น ในวันนี้เราได้นำเอาวิ ธีการใช้แอร์อ ย่ า งถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์
1 การตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม
ส่วน มากเข้าใจกันว่าควรเปิดที่ 25-26 องศา แต่หากเราเปลี่ยนเป็นการเปิดแอร์ที่ 28-30 องศาแล้วใช้พัดลมเปิดช่วยให้ความเย็นกระจายความเย็นก็จะช่วยล ดค่าไฟลงได้ และทำให้รู้สึกเย็นสบายได้ไม่ต่างกัน เพราะแอร์ไม่ต้องทำงานหนัก และหากเป็นช่วงกลางคืนก็ให้ปรับอุณหภูมิไว้ที่ 28 องศา เพราะจะช่วยปรับให้เข้ากับร่างกายของคนเราที่จะล ดลงเวลานอนหลับได้
2 ขนาดของห้องก็สำคัญ
การเลือ กแอร์ต้องให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง โดยเครื่องปรับอากาศจะใช้หน่วยวัดพลังเป็น บีทียูต่อชั่ วโมง หรือ BTU เช่น แอร์ขนาด 12000 BTU ต่อ ชั่ วโมง จะหมายถึง แอร์เครื่องนี้สามารถดูดความร้อนได้ภายในหนึ่งชั่ วโมง ซึ่งขนาดของแอร์จะมีแตกต่างกัน ตั้งแต่ 9000 BTU ถึง 80000 BTU ซึ่งถือว่าเป็นค่าสูงสุด
3 ตำแหน่งในการติดตั้งแอร์
ควรติดตั้งแอร์ในจุดที่ลมสามารถกระจายได้ทั่วถึงทั้งห้อง ไม่มีสิ่งกีดขวางกั้นแรงลมที่ออ กมาจากแอร์ และหลีกเ ลี่ ย งการติดแอร์ที่ใกล้กับประตูหรือน้าต่าง หรือพัดลมดูดอากาศเพราะจะทำให้สูญเ สี ยความเย็นจากภายในห้องง่าย ทำให้ความร้อนไหลออ กนอ กห้อง
ทำให้เครื่องต้องทำการปรับอุณหภูมิอีกเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและยังทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นด้วย ไม่ควรติดแอร์ชิดผนังที่โดนแดดจัดตลอ ดวัน เพราะจะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น
4 ควรเลือ กแอร์เบอร์ 5 เท่านั้น
หากเน้นความประหยัดไฟให้เลือ กแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งเป็นระดับที่ประหยัดไฟฟ้าได้สูงที่สุด โดยเป็นตราที่ทางก ร ะ ท ร ว งพ ลั ง ง า นจัดให้มีการติดเอาไว้บนฉลากเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแอร์บ้านที่ติดผนัง หรือแอร์แบบฝังในเพดาน รวมทั้งแอร์เคลื่อนที่ด้วย
การใช้รีโมทแอร์อ ย่ า งถูกต้อง
ส่วนใหญ่แล้วรูปแบบของรีโมทแอร์นั้น มักจะเป็น Mode ที่คล้ายๆกัน ซึ่งจะแสดงถึงการทำงานของระบบเอาไว้ที่หน้าจอรีโมท เมื่อเรากดเลือ กโหมดเอาไว้ แอร์ก็จะทำการเซฟโหมดนั้นๆเอาไว้ตลอ ดจนกว่าจะมีการเปลี่ยนโหมดการทำงาน
เคยมีกรณีหนึ่งซึ่งผู้ใช้ไม่เข้าใจการใช้รีโมทที่ถูกต้อง เมื่อแอร์ไม่เย็นเจ้าของบ้านจึงต ามช่างให้มาเช็คปัญหาแอร์ไม่เย็น มีแต่ลมเป่าออ กมาแต่ไม่มีความเย็น เมื่อช่างไปถึงจึงพบว่าเครื่องแอร์ถูกตั้งให้อยู่ในโหมด Fan หรือโหมดพัดลมเพียงอ ย่ า งเดียว ช่างจึงเปลี่ยนเป็นโหมด Cool ทำให้แอร์กลับมาเย็นได้ต ามปกติ
โหมดการทำงานของแอร์ ส่วน มากเมนูของแอร์จะมีโหมดการทำงานอยู่ 4 โหมดด้วยกันคือ Auto Cool Fan Dry และ Heat ซึ่งแต่ละโหมดก็ออ กแบบมาเพื่อใช้งานแตกต่างกัน
โหมด Cool
เป็นโหมดทำความเย็นและเป็นโหมดที่เราใช้กัน มากที่สุด โดยเมื่อเราเลือ กการทำงานในโหมดนี้ แอร์จะเข้าสู่รูปแบบการทำงานที่ให้ความเย็นและปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นอยู่ตลอ ด ซึ่งเราสามารถตั้งค่าอุณหภูมิได้ต ามต้องการและยังปรับระดับความแรงของพัดลมได้ด้วย
เครื่องปรับอากาศที่จำหน่ายกันในประเ ท ศ ที่มีอากาศหนาวย าวนาน มากกว่าฤดูร้อน โหมดคูลจะจำเป็นแค่ในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น แต่บ้านเราจะใช้โหมดนี้กันอยู่ตลอ ดเพราะเป็นเมืองร้อน
โหมด Auto
เป็นระบบการทำงานอัตโนมัติ บางแบรนด์อาจใช้คำว่า I Feel แทน เมื่อเราเลือ กใช้โหมดออโต้นี้ แอร์จะทำการตั้งอุณหภูมิและความเร็วของพัดลมแบบอัตโนมัติ และระบบจะทำการกำหนดอุณหภูมิและความเร็วของพัดลมเอง โดยจะทำงานต ามเซ็นเซอร์ที่ใช้ตรวจวัดอุณหภูมิในห้องแล้วทำการปรับให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอ
โหมดการทำงาน Cool หรือ Dry อาจมีการสลับกัน เช่นเมื่อเราตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 24 องศา และเมื่อระบบตรวจพบว่าอุณหภูมิในห้องสูงเกิน 25 องศา แอร์จะเลือ กทำงานในระบบ Cool เพื่อเร่งสร้างความเย็นให้กับห้อง และจะสลับไปใช้งานในระบบ Dry เมื่ออุณหภูมิล ดลงมาต่ำกว่าค่าที่เราตั้งเอาไว้ โดยการทำงานในโหมด Auto นี้จะมีกลไกที่เป็นอัตโนมัติ
โหมด Fan
เป็นโหมดพัดลม เมื่อตั้งโหมดนี้ระบบจะตัดการทำงานในส่วนของชุดคอนเดนซิ่งยูนิตซึ่งอยู่ด้านนอ กออ ก ใช้เพียงชุดแฟนคอยล์ หรือ คอยล์เย็น ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับความแรงของพัดลมได้ แต่ไม่สามารถกำหนดอุณหภูมิได้ โดยลมที่ออ กมานั้นจะอยู่ในระดับอุณหภูมิห้อง จะไม่ใช่ลมที่มีความเย็น เพราะการทำความเย็นโดยชุดคอนเดนซิ่ง ยู นิ ต ถูกตัดออ กไปแล้วเมื่อตอนที่เราตั้งค่าในโหมด Fan ทำให้คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงานและไม่มีน้ำย าแอร์ไหลออ กมายังชุดคอยล์เย็น
ทั้งนี้การใช้โหมด Fan จะเป็นโหมดการทำงานที่เราไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนัก แต่ก็มีประโยชน์มากเพราะสามารถใช้เมื่อเกิดปัญหาแ อ ร์ มีกลิ่นอับ โดยให้เราทำการเปิดโหมดพัดลมนี้ในช่วงก่อนจะปิดแอร์ทุกครั้ง ให้เราเปิดการทำงานในโหมด Fan ต่อไปประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงปิดเครื่อง ลมจะช่วยเป่าแผงคอยล์เย็นด้านใน ช่วยให้ไม่มีความชื้นหลงเหลือหรือสะสมจนเกิดกลิ่นอับ
โหมด Dry
เป็นโหมดล ดความชื้น ซึ่งมีสัญลักษณ์แทนเป็นรูปหยดน้ำ เมื่อตั้งค่าในโหมด Dry เครื่องปรับอากาศจะทำหน้าที่เป็นเครื่องล ดความชื้นในอากาศ ซึ่งเราจะไม่สามารถตั้งหรือปรับอุณหภูมิได้ ซึ่งการล ดความชื้นในอากาศของระบบนี้จะใช้การควบแน่นของความชื้นในอากาศที่เกิดขึ้นบนแผงทำความเย็น
โดยหลักการทำงานของแอร์นั้นพื้นฐานคือใช้ส ารทำความเย็นในระบบ ถูกปล่อยให้ไหลไปต ามท่อเพื่อให้เป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อน ซึ่งจะทำให้แผงที่ชุดคอยล์เย็น มีอุณหภูมิต่ำ จนความชื้นพากันควบแน่นและกลั่นตัวออ กมาเป็นหยดน้ำ ไหลออ กทางท่อแอร์
เมื่อเราตั้งค่าในโหมดล ดความชื้น แม้คอมเพรสเซอร์ด้านนอ กจะทำงานอยู่ แต่พัดลมที่อยู่ในชุดคอยล์เย็นก็จะมีการทำงานแบบสลับหยุดเป็นช่วงๆเพื่อ ดึงความชื้นในอากาศออ กมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งหากเราไม่ได้จำเป็นที่จะทำให้ห้องอยู่ในสภาพควบคุมความชื้นเฉพาะ โหมดนี้ก็มักไม่ค่อยใช้กับบ้านทั่วไปเท่าใดนัก
โหมด Heat
เป็นโหมดการทำความร้อน ซึ่งบางยี่ห้อจะใช้สัญลักษณ์ภาพพ ร ะ อาทิตย์แทน โดยในโหมดนี้เป็นโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในแอร์บางรุ่นที่เข้ามาขายในไ ท ย การทำงานในโหมดนี้จะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้กับห้อง ซึ่งเทคโนโลยีการทำความร้อนที่เรียกว่า Heat Pump
หลักการทำงานจะตรงข้ามกับแผงคอยล์ความเย็น โดยจะใช้แ ผ ง ค อ ย ล์ ค วามร้อนเป่าลมร้อนออ กมา ซึ่งมักใช้กันในประเทศที่มีอากาศหนาว ใช้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับห้อง แม้จะมีประโยชน์มากกับป ร ะ เ ท ศ ที่มีอากาศหนาว แต่สำหรับปร ะเท ศ ร้อนอ ย่ า งเรานั้น หากต้องการใช้ระบบนี้ ก็มักจะมีแต่ในรุ่นที่ร า ค า แ พ ง ทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก
เรื่องราวของการใช้แอร์อ ย่ า งถูกต้องจะช่วยประหยัดไฟและช่วยทำให้ยื ด อ า ยุเครื่องปรับอากาศของเราได้ โดยเฉพาะการเข้าใจการทำงานของแต่ละโหมด ก็จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากแอร์ได้อ ย่ า งเต็มที่และปรับให้เข้ากับสภาพอากาศที่มักเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอ ด
ที่มา krustory