เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนนั้นอย ากเห็นลูกโตไปมีคุณภาพ รู้จักอยู่ในสังคมวันนี้เราจะพามาดูการสอนลูกที่จะช่วยให้ความหวังของพ่อแม่นั้นเป็นจริงสบายใจในวันที่ลูกต้องเติบโตไป อยู่ห่างจากอ กพ่อแม่ จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกัน
ฝึกลูกช่วยงานบ้าน
ฝึกลูกช่วยงานบ้าน เริ่มได้ตั้งแต่เล็กโดยส่วนใหญ่ เ ด็ กวัย 2 ขวบ เริ่มฟังและเข้าใจคำสั่งง่ายๆ ดังนั้นเราควรฝึกลูกให้ช่วยงานบ้านขั้นพื้นฐาน เช่น เก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จแล้ว นำเสื้อผ้า ที่สวมแล้วไปใส่ตะกร้า เป็นต้น การให้ลูกช่วยงานบ้าน โดยเริ่มจากสิ่งที่เขาควรต้องรับผิ ดชอบเอง ทำให้เ ด็ กได้เรียนรู้เรื่องหน้าที่ของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อ การใช้ชีวิตในสังคม เมื่อ ลูกเริ่มโตขึ้นค่อยเพิ่มหน้าที่ภายในบ้านให้เหมาะสมกับวัย ลูกก็จะเรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่ตนทำ มีผลกระทบต่อคนรอบข้างอ ย่ างไร นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาใจเขาใส่ใจเรา
ฝึกระเบียบวินัย
ฝึกระเบียบวินัย เพื่อเป็นทักษะการควบคุมตนเองและยับยั้งชั่งใจให้แก่ลูก นับเป็นพื้นฐานต่อ การทนต่อสิ่ง ยั่ ว ยุต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เล็กๆ อาทิ การตื่นนอน และเข้านอนให้เป็นเวลา รับประทานอ าห า รเป็นเวลา การเก็บของเล่นให้เป็นที่เป็นทางหลังเล่นเสร็จแล้ว ไม่รับประทานขน มหรืออาหารในห้องนอน เป็นต้น
ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง
ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง เพื่อเป็นพื้นฐานทักษะอื่นต่อไป เ พ ร า ะการที่เ ด็ กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และลดการพึ่งพาคนอื่นจะทำให้เ ด็ กเกิดความมั่นใจในตัวเอง ลดความกังวล และพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
สอนเรื่องอารมณ์ต่าง ๆ
สอนเรื่องอารมณ์ต่าง ๆ พ่อแม่มักให้ความสำคัญกับการสอนลูกให้เป็นเลิศในด้านวิชาการ สอนเรื่องมารย าท กฎระเบียบ แต่กลับลืมเรื่องการรับมือ กับอารมณ์ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ดังนั้น พ่อแม่ควร เริ่มต้นสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ต่างๆ ของตน ด้วยการเอ่ยชื่ออารมณ์นั้นๆ เมื่อลูกแสดงออ กมา อาทิ เมื่อลูกร้องไห้ที่ไม่ได้ของเล่น อาจบอ กลูกว่า แม่รู้ว่าลูกกำลังเ สี ยใจที่ไม่ได้ของเล่น หรือเมื่อ
ลูกโ ก ร ธที่ถูกแย่งขน ม ต้องบอ กว่าลูกกำลังโ ก ร ธใช่ไหม แต่แม่อย ากให้ลูกห า ยใจลึกๆ ใจเย็นๆ การสอนเช่นนี้จะช่วยทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะจั ดก า ร กับอารมณ์ของตนเมื่อโตขึ้น และไม่นำอารมณ์ ของตนเองมาเป็นข้ ออ้างในการทำร้ า ยคนอื่น
สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า
สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า สำหรับเ ด็ กเล็กโลกของเขายังไม่กว้างใหญ่มากนัก การเล่าเรื่องราวต่างๆ จากนิทาน หรือเกร็ดประวัติศาสตร์อ ย่ างง่ายๆ เกี่ยวกับบุคคลที่ทำเพื่อผู้อื่น จะช่วยทำให้ลูกเข้าใจเรื่องการช่วยเหลือ กันในสังคมได้ดีขึ้น คนเป็นพ่อแม่อาจถามลูกว่าหากเกิดเหตุการณ์อ ย่ างในนิทานขึ้นกับลูก ลูกจะทำอ ย่ างไร ลองฟังคำตอบของลูก แล้วชื่นชมหรือ ตั้งคำถามเพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูก หลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์และตัดสินว่าคำตอบของลูกถูกหรือผิ ด เพื่อให้ลูกได้ฝึกคิดด้วยตนเองโดยมีพ่อแม่เป็นผู้ชี้นำแนวทางที่เหมาะสม
การพาลูกพบคนหลากหล า ย
การพาลูกพบคนหลากหล า ย นับเป็นการฝึกให้ลูกมีความเห็นอ กเห็นใจผู้อื่นและเข้าใจสังคมมากขึ้น คือ ทำให้เขาเห็นว่าในโลกนี้มีคนที่แตกต่างหลากหล า ย ทั้งสีผิว เชื้อชาติ ภาษา และ ความคิด ซึ่งสิ่งที่แตกต่างเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าผิ ดเสมอไป การพาลูกออ กเดินทางท่องเที่ยวได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนที่แตกต่าง พร้อมกับคำชี้แนะที่เหมาะสมจะทำให้ลูกเข้าใจความเป็นไป ของโลกใบนี้ได้ดีขึ้น
สอนลูกให้รู้จักแก้ปัญหา
สอนลูกให้รู้จักแก้ปัญหา บ่อยครั้งที่ลูกทำผิ ดพลาด พ่อแม่หล า ยคนจะใช้วิ ธีตำหนิหรือ ดุลูก เพื่อไม่ให้ลูกทำผิ ดอีก ซึ่งจะทำให้เ ด็ กคิดว่าการทำผิ ดเป็นเรื่องใหญ่ และกลัวที่จะทำผิ ด หรือจะปกปิด ความคิดของตนเองโดยการโ ก ห ก ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่มต้นในการให้อภั ยลูก แล้วชวนลูกแก้ไข้ปัญหาหลังจากที่เกิดข้ อผิ ดพลาด อาทิ เ ด็ กวิ่งแล้วทำน้ำหก พ่อแม่ควรฝึกให้เ ด็ กรับผิ ดชอบใน
สิ่งที่ทำ คือ เช็ดน้ำและเก็บแก้วให้เป็นที่ หลังจากนั้นชวนให้ลูกคิดว่าครั้งหน้าสามารถระวังอ ย่ างไรให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นอ กจากเรื่องที่แม่ต้องสอนลูกแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนใน ครอบครัว ก็ต้องเป็นต้นแบบหรือแบบอ ย่ างที่ดีให้แก่เ ด็ ก เ พ ร า ะการเห็นแบบอ ย่ างที่ดีจะทำให้เ ด็ กสามารถจดจำการทำดีได้มากกว่าการใช้เพียงคำพูด การเลี้ยงลูกต้องใช้ความอ ดทน ความเข้าใจ เป็นสำคัญนะคะ กว่าที่ลูกจะรู้เรื่องและทำต ามในสิ่งดี ๆ ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน ปฏิบัติเป็นประจำ หากพ่อแม่หมั่นสอนสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องสอนลูก ลูกก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอ ย่ างแน่นอน
ที่มา t h . t h e a s i a n p a r e n t fahhsai