แนวคิดที่ว่า มีลูกเพื่อหวังจะให้มาเลี้ยงดูใน ย า ม แ ก่ นั้นเป็นแนวคิด ของคนสมัยก่อน ซึ่งผู้ใหญ่หล า ยๆคน มักจะมีแนวคิดแบบนี้จริงๆ แต่ว่าหากจะมองในความเป็นจริงแล้ว มันเป็น อ ย่ า ง ไร ในยุคสังคมปัจจุบัน จะใช้ความคิดแบบนี้ได้อยู่ไหม มีลูกเพื่อที่ว่า จะได้มีคนเลี้ยงดูเรา ตอนอายุมากขึ้น ซึ่งมันจะแปลได้อีกทางว่า หากลูกไม่ยอมเลี้ยงดูคือ อ กตัญญู อ ย่ า ง นั้นหรือ
หรือว่า ในความเป็นจริงนี่คือ ความรักที่หวังผล เป็นความเห็นแก่ตัว ของคนเป็นพ่อแม่ ในปัจจุบันนี้ก็มี พ่อ แม่ หล า ยๆครอบครัวมากที่เข้ากับ ครอบครัวของลูก ๆ ไม่ได้ บางทีความคิด แบบเดิมมันอาจจะ ต้องปรับแล้วก็ได้ ทำไมไม่เปลี่ยนความคิดที่ว่า อ ย า ก จะให้ลูกเลี้ยงดูในตอนชรานั้น ให้มาทำ อ ย่ า ง ไรจึงจะดูแลตัวเองได้ ในตอนแก่ บ้างจะเอาสมัยก่อน กับปัจจุบัน มาเที่ยวกัน
มันไม่ได้ ที่พ่อแม่มีลูกตั้งหล า ยคน ยังเลี้ยงได้ ทำไมลูกเลี้ยงพ่อแม่บ้างไม่ได้ ซึ่งมันก็อาจจะน่าคิด แต่ลองมองถึงค่าครองชีพ และวิถีชีวิตของสังคมในปัจจุบันดู มันเหมือนสมัยก่อนไหม เรามีเรื่องราวตัวอย่ างที่น่าสนใจไว้เป็นกรณีศึกษา ที่อย ากให้ทุกคนได้ อ่ า น และลองทำความเข้าใจต าม ทั้งในมุมของ คนเป็นพ่อแม่ และ ในมุมของความเป็นลูก ซึ่งมีเรื่องราวมี ดังนี้มีคุณแม่คนหนึ่ง
สามีจากไปนานแล้ว เธออ ดทนทำงานหาเ งิ น เลี้ยงดูลูกชายเพียงลำพัง ลูกชายก็ทำตัวเป็นลูกที่ดี เป็นคนเชื่อฟังแม่ ตั้งแต่ตอนเล็ก พอลูกโต เธอก็ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ พอลูกเรียนจบ ก็อยู่ทำงานต่อที่ต่างประเทศ ทำงาน หาเ งิ น ซื้ อ บ้าน แต่งงาน มีลูกหนึ่งคน สร้างครอบครัวที่แสนสุข ตัวเธอเองคิดถึงประโยคที่ว่า มีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอนแก่ คิดถึงสายต าอิจฉาของญาติๆ
และเพื่อนฝูง เธอมีความสุขจากใจ ระหว่างรอจดห ม า ย ตอบจากลูกชาย เธอก็จัดการเรื่องบ้านและงานจนเรียบร้อย คืนสุดท้ายก่อนเธอจะเกษียณ เธอก็ได้รับจดห ม า ยที่ส่งมาจาก ต่างประเทศของลูกชาย พอเปิดออ กดูข้างใน ก็เป็นเช็คต่างประเทศ ตีเป็นเ งิ น ไ ท ย ได้มูลค่าประมาณ 1 ล้านบ า ท เธอรู้สึกแปลกใจมาก เ พ ร า ะลูกชายไม่เคย ส่งเ งิ นให้เธอมาก่อน เธอรีบเปิด จดห ม า ยออ ก อ่ า น ในจดห ม า ยเขียนว่า
แม่ครับ พวกเราได้คุยกันแล้ว ตัดสินใจ และสรุปว่า พวกเราไม่ยินดีให้แม่มา อยู่ด้วยกันที่นี่ ถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูผมมา คำนวณต ามราคาตลาด ก็ประมาณเ งิ น ที่ผมส่งให้นี้ หวังว่าต่อไปนี้แม่จะ ไม่เขียนจดห ม า ยมาอีก แม่ อ่ า น จดห ม า ยฉบับนั้น จบก็น้ำต าไหลพร า ก รู้สึกว่าที่ตัวเองอ ดทนทำเพื่อลูก เป็นคุณแม่เลี้ยงเดียวมาตลอ ดชีวิต จากนี้ไปต้องอยู่ อ ย่ า ง โดดเดี่ยว
เธอรู้สึกสิ้นหวัง ในชีวิต อ ย่ าง มากจนไม่ อ ย า ก มีชีวิตอยู่ ต่อมาเธอจึงเริ่ม หันหน้าเข้าหาธรรมะ ไปปฏิบัติธรรม ศึกษาพระพุทธศาสนา หลังศึกษา เธอก็คิดได้ เธอใช้เ งิ น 1 ล้านบ า ท เอาไปเดินทางเที่ยวรอบโลก ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ มากมาย เมื่อได้เห็นโลกที่กว้างใหญ่ขึ้น ความคิดจึงเปลี่ยนไปหลังจากนั้น เธอจึงเขียนจดห ม า ย หนึ่งฉบับถึงลูกชาย ในจดห ม า ยว่า ลูกรัก
ลูกไม่ อ ย า ก ให้แม่เขียนจดห ม า ยมาอีก ก็ถือซะว่าจดห ม า ยฉบับนี้เป็นข้ อความ เพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วละกัน แม่ได้รับเช็คแล้ว และใช้เ งิ นจำนวนนั้นไปเดินทางรอบโลก ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว อยู่ ๆ แม่ก็รู้สึกว่า แม่ควรขอบใจลูก ขอบใจที่ทำให้แม่เห็น อะไรทะลุปรุโปร่ง ปล่อยวาง ทำให้แม่ได้เห็นว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน และคนรักไม่มีร า กหยั่งลึก เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึด ติ ด ยัง ทุ ก ข์ อยู่ แม่คงตรอมใจ และ จากไปภายในปีครึ่งปี การปฏิเสธของลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเรา มีวาสนาก็ได้เจอ หมดวาสนาก็จากกัน ทุก อ ย่ า ง ไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบ และใจเย็น มองทุก อ ย่ า ง ในเชิงบวก แม่ไม่มีลูกแล้ว ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง เ พ ร า ะงั้นแม่ถึงสามารถอยู่ได้โดยไม่มีมัน พ่อแม่ที่น่า ส ง ส า ร คนเป็นพ่อแม่ อ ย า ก มอบ
สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ ได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด มีคนกล่าวไว้ว่า บ้านของพ่อแม่คือบ้านของ ลูกตลอ ดเวลา บ้านของลูกไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่ การให้กำเนิดลูกเป็นงาน ที่ต้องทำ การเลี้ยงดูลูกเป็นภาระหน้าที่ การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจผิ ดช่าง เป็นความจริงที่ไม่น่าฟัง แต่ก็ไม่ฟังก็ไม่ได้ เ พ ร า ะ ยังไงก็ต้องเผชิญ แม้ว่าไม่ใช่ลูกทุกคน จะเป็นเหมือน ลูกชายในเรื่อง
แต่คนเป็นพ่อแม่ ไม่ควรคิดว่าจะพึ่งพาลูกตลอ ดไป พูดกันต ามตรง ยังไงแล้วทุกคน ก็ต้องดูแลตัวเอง ลูกกตัญญูต่อคุณถือเป็นบุญ ถ้าลูกกตัญญูไม่พอ พ่อแม่ก็บังคับไม่ได้ วิ ธีที่ดีที่สุดคือ วางแผนชีวิตพึ่งพาตัวเอง ไว้เมื่อตอนอายุเยอะแล้ว จึงเป็นสิ่งที่รอบคอบที่สุดที่ควร ทำจากมุมมองของสังคม การมีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอนชราเป็นความปรารถนาในใจ แต่ในยุคปัจจุบัน เศรษฐกิจ สังคม
วัตถุนิยม วิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ในปัจจุบันคือ คนยุคใหม่เปลี่ยนไป คนอายุมากยังยึด ติ ด การที่คนอายุมากยึด แนวความคิดว่ามีลูกจะได้มีคนเลี้ยงดูคงจะไม่เหมาะสม กับอีกต่อไปสิ่งที่ต ามมาคือ ความผิ ดหวังบนความคาดหวัง ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ อายุขนาดนี้และ ผ่ า น โลกมาก็เยอะแยะมากมาย รู้เห็นอะไรมามาก น่าจะเข้าใจในวิถี ความเปลี่ยนแปลง
และ ความเป็นไปของโลก ได้ดีกว่าลูกๆ พ่อ แม่ ทวงบุญคุณกับลูกไ ด้แต่มันไม่ใช่ลูกทุกคน ที่มีศักยภาพพอที่จะดูแลพ่อแม่ได้ เ พ ร า ะ ยุคสมัยนี้เพียงแค่ชีวิตครอบครัว ของลูกมันก็ต้องดูแลเช่นกัน การวางแผนดูแลตัวเอง ในบั้นปล า ยชีวิตจึง เป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่คน ควรวางแผนและ อ ย่ า ฝากความหวังทั้งหมด ไว้ที่ลูกได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิ ดของลูก ที่ดูแลคุณไม่ได้ แต่มันผิ ดที่คุณ ที่ไม่ยอมวางแผนชีวิตเผื่อไว้ดูแลตัวเองต่างหาก ฝากไว้ให้คิดกันนะ
ที่มา Liekr chookde sabuyjaijung