อ ย่ าเลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหิน จนลูกทำอะไรเองไม่เป็น ไม่รู้จักโต

คนที่รักคือคนที่หวังดีกับลูกเสมอก็คือ พ่อแม่ แต่ในบางครั้งนั้น ความหวังดีของพ่อแม่ มันก็อาจย้อนกลับมาทำ ร้ า ย โดยที่ไม่ได้ตั้งใจก็ได้ และกว่าพ่อแม่จะรู้ตัวนั้น มันก็อาจสายเกินไป โดยเฉพาะอ ย่ างยิ่ง 9 พฤติกร ร มเหล่านี้ ที่พ่อแม่ควรเลิกทำ เมื่ออย ากให้ลูก เติบโตขึ้น มาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีอนาคต และเข้าใจโลกมากขึ้น

1. ทำอาหารเช้า อาหารกลางวันให้

แม่ๆ หล า ยคนอาจเป็นห่วงว่าลูก กลัวทานไม่อิ่มได้รับสารอาหารไม่ครบงี้ ฉะนั้น จึงต้องเตรียมอาหารให้ลูกๆ ทุกวัน เมื่อคุณอย ากให้ลูก โตเป็นผู้ใหญ่ ดูแลตัวเองเป็น ก็ควรให้เขาทำอาหารเอง หากเขาทำไม่เป็น คุณแม่อาจจะต้อง สอนลูกก่อน จากนั้นก็ให้เขาล องทำดู

2. นำของที่ลูกลืม ไปให้ที่โรงเรียนลูก

การที่ลูกโทรมาบอ กให้แม่นำเอาสิ่งของที่ลืม ไปให้ที่โรงเรียนโดยที่คุณ ก็ทำต าม และนั่นอาจทำให้ลูกๆ กล า ยเป็นเด็ กที่ไม่รอบคอบ เ พ ร า ะงั้น เมื่อลูกโทรมาให้พ่อแม่ทำแบบนั้น โดยที่ของชิ้นนั้น ไม่ได้มีความสำคัญแต่อ ย่ างใด ก็ควรบอ กไป ปฏิเสธไปเพื่อให้ลูก รู้จักมีความรอบคอบกว่าเดิม

3. ไปยุ่งกับการเรียน

การเป็นห่วงในเรื่องเรียนหรือความเป็นอยู่ของลูกที่โรงเรียน มันไม่ใช่เรื่องผิ ด แต่การที่พ่อแม่ไปบงการ ไปกำหนดเส้นทางการเรียน โดยไม่ให้เขามีสิ ทธิคิด ตัดสินใจเอง นั่นแหละมันอาจจะทำให้ลูก ไม่โตเป็นผู้ใหญ่

4. ซักเสื้อผ้าให้

พอลูกโตพอที่จะทำงานบ้านเองได้ แต่พ่อแม่ไม่เคยฝึกให้ลูกทำด้วยตัวเอง แล้วการที่คุณแม่ซักเสื้อผ้าให้ อาจทำให้เด็ กเคยตัว เป็นคนไม่มีวินัย หรือความรับผิ ดชอบในตัวเอง เ พ ร า ะงั้น ถ้าเด็ กอยู่ในวัยที่พอเรียนรู้ ทำอะไรเองได้ แม่ก็ควรสอนลูก ถึงวิ ธีการใช้เครื่องซักผ้า ไม่ก็การซักผ้าด้วยมือ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกด้วยตัวเอง จะได้ทำเป็น

5. ปลุกลูก เมื่อต้องไปโรงเรียน

เป็นกิจวัตรประจำวันของแม่เลยก็ว่าได้ ที่ต้องทำทุกเช้า ซึ่งความจริงนั้น คุณพ่อคุณแม่ ควรฝึกลูกตั้งนาฬิกาปลุก จัดสรรเวลานอนให้เหมาะสม เพื่อให้เขาเรียนรู้ ที่จะจัดการตัวเอง ไม่ใช่คอยให้พ่อแม่ปลุกอยู่ตลอ ด

6. ไม่ให้ครูมา ว่ากล่าวตักเตือนลูก

หากลูกมาฟ้ อ งคุณว่าถูกครูว่ากล่าวตักเตือน และนั่นอาจทำให้คุณ มีอาก ารหั วร้ อน พร้อมจะไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียนได้ตลอ ดเวลา แต่เรื่องนี้นั้น เป็นสิ่งที่จะบอ กว่า พ่อแม่ต้องใจเย็นๆ นะ เราอาจต้องสอบถามลูก

ถึงสาเหตุที่ครูทำอ ย่ างนั้น และซึ่งถ้าลูกทำความผิ ดจริง การลงโท ษไม่ได้ร้ า ย แ ร ง พ่อแม่ก็ไม่ต้องถึงขั้นไปคุยกับคุณครูก็ได้ จงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครู ที่ต้องอบรมสั่งสอน แต่สิ่งที่ควรทำคือ ให้พ่อแม่สอนลูกแทน ว่าจะต้องทำตัวยังไง เพื่อไม่ให้โด นครูว่า หรือตีอีก

7. ยอมให้ลูกๆ หยุดเรียน

เ พ ร า ะเด็ กบางคนนั้น ก็อาจมีอาการป่ ว ยการเมื อง เ พ ร า ะสาเหตุต่างๆ นาๆ อาจจะเกิดจากวิชาเรียน การบ้านต่างๆ เ พ ร า ะวิชาเรียน อาจง่ายไป ทำให้เด็ กเกิดความเบื่ อ หรือ เรียนย ากจนเกินไป ทำให้เด็ กเกิดความกดดัน ว่าไม่ฉลาดคนอื่นๆ เขา และสิ่งสำคัญนั้น

ที่พ่อแม่ควรทำ ต้องอ ย่ าถามลูกว่า เ พ ร า ะอะไรจึงไม่อย ากไปโรงเรียน เนื่องจากเด็ กมักไม่รู้คำตอบ พอเ ด็ กไม่รู้ว่า จะตอบยังไง ก็จะเป็นการ ทำให้เด็ กรู้สึกเค รี ย ด ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ควรบอ กเด็ ก ว่าความกลั วไม่ช่วยอะไร จงเปิดใจให้กว้าง ในการรับฟังความรู้สึกของลูก บอ กเขาให้เอาชนะความกลัวให้ได้

8. ทำการบ้านให้ลูก

สำหรับพ่อแม่คนใดที่ชอบทำการบ้านให้ลูก เช่นนี้ควรเลิกทำซะ เ พ ร า ะสิ่งที่คุณกำลังทำ มันจะทำให้ลูกไม่ได้ฝึกคิด ไม่ได้เรียนรู้อะไร ซึ่งหากไม่อย ากให้ลูกเติบโต มาแบบไม่มีความรู้ ก็อ ย่ าทำ ร้ า ยลูก โดยการทำให้เขาเป็นคนไม่มีความรู้เลย

9. ขี ดเส้นให้ลูกเดินต าม

กำหนด ก ฎ เ ก ณ ฑ์ ให้ลูกเดินต ามทางที่พ่อแม่ปูไว้ และซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดี ลูกจะได้มีวินัย แต่ในทุกๆ กฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ มันก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย ให้ลูกมีส่วนร่วมในการขีดเส้นชีวิตตัวเอง และต้องปล่อย ให้ลูกได้เรียนรู้ที่ จะทำบางสิ่งด้วยตัวเอง การเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง

จะต้องอ ย่ าให้ลูกเปร า ะบาง เหมือนไข่ในหิน อ ย่ าเลี้ยงลูกให้เห็นแก่ตัว ให้เลี้ยงลูกโตไปต ามวัย อ ย่ าให้กินย ากอยู่ย าก โดยพ่อแม่ควรเริ่ม ต้นสร้างนิสัยเด็ กด้วยการทำให้ตัวเอง เป็นแบบอ ย่ างพร้อม

กับฝึกให้เด็ กรับรู้ รู้จักรับผิ ดชอบด้วยตนเอง รวมทั้งเปิดโอกาส ให้เด็ กเรียนรู้รวมถึงฝึกฝน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็ ก สามารถหาแนวทาง การดำเนินชีวิตต ามบทบาท ต ามหน้าที่ของตนเองได้

ที่มา k r u u p d a t e. c o m  san-sabai