ความแตกต่าง ที่โดดเด่น10 ข้ อ ระหว่าง คนร ว ย กับ ค น จ น

เชื่อว่าใครๆก็อย ากจะเป็นคนที่มั่งมี ร่ำร ว ยแต่สงสัยบ้างไหมว่าทำไมคนร ว ยยิ่งทำยิ่งร ว ย แล้วทำไมเราถึงไม่ร ว ยแบบเขาที่เป็นแบบนี้ก็เ พ ร า ะว่าเรานั้น มีความคิดที่แตกต่างจากคนร ว ยอยู่มาก วันนี้เราเลยจะพามาดูถึงความต่างนี้กัน จะมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย

ผมได้อ่ า นหนังสือเล่มหนึ่ง เรื่องความแตกต่าง ที่โดดเด่น10ข้ อ ระหว่าง คนร ว ย กับ ค น จ น และเห็นว่ามัน มีความเป็นจริง อยู่พอสมควรจากการสังเกตของผม ดังนั้น จึงขอนำมาเผยแพร่เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราอยู่ด้านไหนของสังคม และต้องทำอ ย่ างไรถึงจะได้ย้าย จากค น จ นคนชั้นกลางสู่การเป็นคนร ว ย

1.คนร ว ยกล้ารับความเ สี่ ย ง(ที่ได้มีการพิจารณาและไตร่ตรองดีแล้ว)

ค น จ น และคนชั้นกลางกลัวที่จะรับความเ สี่ ย งนี่ เป็นนิสัยที่เป็นจุดอ่อน มากที่สุด ของค น จ นและคนชั้นกลาง ในความเห็นของผม คนที่ไม่ยอมรับความเ สี่ ย งเลยนั้น มักพลาดที่จะได้รับผลตอบแทนดีๆ โดยสิ้นเชิง ส่วนคนที่กล้ารับความเ สี่ ย ง (ที่ได้มีการศึกษา-วิเคราะห์มาเป็นอ ย่ างดี) จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ โดยความเ สี่ ย งจริงๆ

นั้นจะมีน้อยมาก ตัวอ ย่ างที่เห็นชัดเจนที่สุด ก็คือคนชั้นกลาง ส่วนใหญ่นั้น มักจะกลัวการล ง ทุ นในหุ้น หรือ ตราสารการเ งิ นที่มีความผันผวน ของร า ค าโดยที่เขาไม่พย าย ามศึกษาว่า ในระยะย าว แล้วมันอาจจะมีความคุ้มค่า กว่าการฝากเ งิ น ในธนาคารมากในอีกมุมหนึ่ง คนที่กล้ารับความเ สี่ ย งอ ย่ าง บ้าบิ่น เช่น คนที่เล่นหุ้นวันต่อวันก็ไม่ใช่นิสัยของคนร ว ย คนร ว ยนั้น จะต้องรับความเ สี่ ย งเฉพาะ ที่มีการพิจารณาอ ย่ างถี่ถ้วนแล้วเท่านั้น

2.คนร ว ยพูดเกี่ยวกับเรื่องไ อ เ ดี ย

คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ ค น จ นพูดถึงเรื่องของคนอื่น นี่ไม่ได้ห ม า ยความว่า คนร ว ยไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องสิ่งของ หรือคนอื่น แต่ห ม า ยถึงว่าคนร ว ย จะพูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่าค น จ น และ มักจะเป็นคนที่มีแนวความคิดดีๆ หรือมีมุมมองต่างๆ มากกว่าคนชั้นกลาง และค น จ นเบื้องหลังของนิสัย ในเรื่องนี้คงอยู่ที่ว่า

คนร ว ยนั้น มักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า ค น จ นซึ่งมักจะชอบ ซุบซิบนินทา เป็นนิจสิน ในขณะที่คนชั้นกลาง อาจจะเน้นการทำงานประจำชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ ดนตรีการพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น

3.คนร ว ยเรียนรู้และเติบโตตลอ ดชีวิต

ค น จ น และคนชั้นกลางคิด ว่าการเรียนรู้จบที่โรงเรียนนิสัยการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ นี้ผมคิดว่าเป็นหัวใจเ ศ ร ษ ฐีจริงๆ เ พ ร า ะ ในความรู้สึกของผมเองการเรียนรู้จากโรงเรียน เป็นเพียงพื้นฐานที่เรานำมาศึกษาต่อด้วยตนเองได้ และ เวลาหลังจากการเรียนในโรงเรียนนั้น ย าวมากเป็นหล า ยสิบปี ดังนั้น ความรู้ส่วนใหญ่ จึงควรเกิดขึ้นหลังจากที่เราเรียนจบจากโรงเรียน โดยนัยของข้ อนี้คนร ว ยจึงน่าจะมีนิสัยรักการอ่ า น

หรือ การหาความรู้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนชั้นกลางนั้น พอเรียนจบก็มักจะไม่สนใจอ่ า นหนังสือ หรือหาความรู้ใหม่ๆ และ ความรู้ที่ผมคิดว่าค น จ น และคนชั้นกลางพลาดไป เ พ ร า ะไม่มีการสอนในโรงเรียน ก็คือความรู้ทางด้านการเ งิ นที่คนร ว ยมักจะศึกษาต่อ เ พ ร า ะเห็นถึงความสำคัญและอาจนำไปสู่ความมั่งคั่งได้

4.คนร ว ยคิดย าว

คนชั้นกลางคิดสั้น ค น จ นคิดสั้นที่สุด ค น จ น มักจะคิดอะไรแบบวันต่อวัน ทำนองหาเช้ากินค่ำ คนชั้นกลาง มักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน นั่นคือคิดถึงวันเ งิ นเดือนออ ก แต่คนร ว ยจะต้องคิดย าว เป็นปีๆ หรือเป็นสิบๆ ปีในใจของค น จ นนั้น เขามักคิด แต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอ ดเป็นหลัก

ในขณะที่คนชั้นกลาง คิดถึงเรื่องความสุขสบาย จากการจับจ่ายใช้สอย สินค้ าส่วนคนร ว ยนั้น เป้าห ม า ยของพวกเขาชัดเจน เขาต้องการความเป็นอิสระ ทางการเ งิ น การคิดย าวนั้น มีพลังมหาศาล เ พ ร า ะ มันจะทำให้เขาอ ดออม และล ง ทุ นระยะย าว ซึ่งจะทำให้เ งิ นงอ กเงยแบบทบต้นเป็นเวลานาน และนี่คือสูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คน มั่งคั่ง

5.คนร ว ยยอมรับการเปลี่ยนแปลง

ค น จ น และ คนชั้นกลางต่อต้านการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลง จะคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเองเคยชิน ในขณะที่คนร ว ยนั้น คิดว่าการเปลี่ยนแปลงอาจนำมา ซึ่ง ชีวิตที่ดีกว่าเขาคิดว่าในการเปลี่ยนแปลง นั้น มักมีโอกาสที่เขาอาจจะคว้าไว้ได้ เบื้องหลังนิสัยนี้ อาจจะมาจากการที่คนร ว ย มีความมั่นใจสูงกว่าคนชั้นกลาง ที่มักกลัวว่าตนเอง จะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ๆได้

6.คนร ว ยทำงานเพื่อหากำไร

ค น จ น และคนชั้นกลางทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้าง คนร ว ยมองว่านี่ คือหนทางที่จะทำให้ร ว ยได้มากกว่า แม้ว่าจะมีความเ สี่ ย งในขณะที่คนชั้นกลางนั้น มักจะไม่กล้าเ สี่ ย ง และอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า จึงมุ่งไปที่การหางานที่มี ร า ยได้แน่นอน แต่ ร า ยได้จากการใช้แรงงาน ของตนเองนั้น มีน้อยคนที่จะร ว ยได้

7.คนร ว ยเน้นการเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่ง

ค น จ นและคนชั้นกลางเน้นการเพิ่มของเ งิ นเดือน เป้าห ม า ยของคนร ว ยนั้นอยู่ที่ว่า ตนเองมีความมั่งคั่ง เพิ่มขึ้น มากน้อยแค่ไหน โดยมองที่ภาพรวมดังนั้นถ้าเขามีหุ้นอยู่ การที่หุ้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเขาก็มีความมั่งคั่ง เพิ่มขึ้นโดยที่เขาไม่ต้องเ สี ยภาษี แต่คนชั้นกลางพย าย าม ทำงานเพื่อให้มีเ งิ นเดือนสูงขึ้น แต่เขาอาจจะลืมไปว่า เขาจะต้องเ สี ยภาษีเพิ่มขึ้นด้วยสรุป ก็คือ คนร ว ยเน้นการล ง ทุ น ใช้เ งิ นทำงานแทนตนเอง คนชั้นกลางเน้นการใช้แรงงานของตนเอง

8.คนร ว ยมีแหล่ง ร า ยได้หลากหล า ย

ค น จ นและคนชั้นกลางมีเพียงหนึ่ง หรือสองแหล่งข้ อนี้ก็ เช่นกันผมเองไม่แน่ใจว่า คนร ว ยมี ร า ยได้จากหล า ยแหล่ง เ พ ร า ะ ร ว ยแล้วจึงไปล ง ทุ นในท รั พ ย์สินหล า ยๆอ ย่ าง หรือมีท รั พ ย์สินหล า ยอ ย่ างจึงทำให้ร ว ย แต่ที่ผมเห็นชัดเจนก็คือคนชั้นกลางนั้น มักไม่ล ง ทุ นในท รั พ ย์สินที่มีความเ สี่ ย ง ทำให้ ร า ยได้มักจะมาจากเ งิ นเดือนเป็นหลัก

9.คนร ว ยเชื่อว่าพวกเขาจะต้องใจบุญสุนทาน

ค น จ น และคนชั้นกลางคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญญา ที่จะทำบุญข้ อนี้ผมคงไม่มีความเห็นอะไร ส่วนหนึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของ แต่ละคนที่ไม่ค่อยบอ กหรือรู้กัน ยกเว้นกรณีที่เป็นการบริจาคใหญ่ๆ อ ย่ างกรณีของบัฟเฟตต์หรือบิลเกตส์

ความเห็นของแอดมิน สำหรับเมืองไทย แอดคิดว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนใจบุญนะ มีน้อยทำน้อยมีมากทำมาก เ พ ร า ะเราถูกปลูกฝังให้รู้จักทำบุญมาหล า ยชั่ วอายุคนแล้ว จึงไม่เกี่ยวกับความร ว ยความจนหรอ กครับเป็นนิสัยส่วนบุคคลล้วนๆ)

10.คนร ว ยชอบตั้งคำถามที่เป็นบวกและสร้างกำลังใจ

ค น จ น และคนชั้นกลางชอบตั้งคำถาม ที่เป็นลบ และบั่นทอนกำลังใจคนร ว ยมักจะคิดว่า ฉันจะสร้าง ร า ยได้เป็นเท่าตัวในปีนี้ได้อ ย่ างไร ในวิ ก ฤ ตครั้งนี้มีโอกาสอะไรซ่อนอยู่บ้าง ฯลฯ ในขณะที่ค น จ น และคนชั้นกลางมักจะคิดว่าทำไมเรื่องแย่ๆ ถึงต้องมาเกิดกับฉันด้วย,

โอกาสของคนเราไม่เท่ากัน เป็นเ พ ร า ะฉันเกิดมาจน ฯลฯ และนั่นก็คือ ความแตกต่าง10ข้ อระหว่างคนร ว ยค น จ น และ คนชั้นกลางที่มีคนตั้งข้ อสังเกตไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นจริงแน่นอน คนร ว ยบางคนก็มีคุณสมบัติ ที่เป็นแบบคนชั้นกลาง และคนชั้นกลางจำนวน มากก็มีนิสัยแบบคนร ว ย แต่ถ้าเราอย ากร ว ยผมคิดว่า การยึดนิสัยแบบคนร ว ยน่าจะทำให้เรามีโอกาสมากกว่า

ที่มา  forlifeth