เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าพ่อแม่นั้นคือผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ยังเล็ก จนเติบใหญ่ได้รับการศึกษามีหน้าที่การงานทำ ฉนั้นการที่เราจะพูดจากับพ่อแม่เราควรจะพูดด้วยคำพูดที่ดีไม่ใช่คำพูดที่ทำร้ า ยแต่จิตใจท่าน หล า ยคนอาจจะไม่รู้ว่าคำพูดแบบไหนคือคำพูดที่ทำร้ า ยจิตใจของท่านวันนี้เราจะพามาดูกัน
สมัยนี้ ก็พอเข้าใจแหละ เ ด็ กตอนเป็นวัยรุ่นต่างก็ใจร้อน มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง คิดเองทำเอง และมักจะมีปากเ สี ยงกับคนในครอบครัวยู่บ่อยครั้ง และอาจจะมีบางคำที่ไม่ควรพูด ที่พูดโดยไม่ทันคิด ด่ าว่าพ่อแม่ เมื่อเวลาท่านฟังแล้วจะรู้สึกเ สี ยใจ เวลาท่านว่ากล่าวตักเ ตื อ นก็ให้คิดเสมอว่า ท่านผ่านร้อ นผ่านหนาวมาก่อนเรา ที่ท่านทำไปเพราะหวังดีกับเรานะ
1.ผมรู้ว่าผมจะกินอะไร วันหลังไม่ต้องทำเผื่อแล้วนะ ความรักความอาทรถูกเติมลงไปในอาหารที่ทำ จงรับเอาความห่วงหาอาทรนี้ไว้เถิด
2.รู้แล้ว พอแล้วๆ จู้จี้จริงๆ พูดอยู่ได้
3.บอ กกี่ครั้งแล้วว่าอย่ ากินของที่เหลือ ทำไมยังทำอยู่ พ่อแม่ประหยัดกินประหยัดใช้ บอ กท่านทำให้น้อยลงดีกว่า พูดกับท่านดีๆ
4.ไม่ต้องถามแล้วนะ พูดยังไงพ่อ กับแม่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
5.มีอะไรอีกมั้ยล่ะ ไม่มีอะไร จะวางสาย อย่ าได้เห็นเป็นเรื่องน่ารำค าญ ทีพูดกับเพื่อนกับแฟนยังพูดได้เป็นชั่ วโมงๆเลย
6.บอ กกี่ครั้งละ ว่าอย่ าทำ ถึงทำไปก็ไม่เห็นจะดีอะไรเลย พ่อแม่แก่เฒ่า การที่ลูกพูดแบบไม่คิดอย่ างนี้ กลับกล า ยเป็นการทำร้ า ยจิตใจแทน
7.ความคิดนี้มันโบราณ ยุคนี้ทำอย่ างนี้ไม่ได้นะ เข้าใจด้วย คำแ น ะนำของพ่อแม่อาจจะช่วยอะไรเราไม่ได้ ฟังบ้างก็ดี อย่ างน้อยอาจมีสิ่งดีๆที่เราคาดไม่ถึง ก็เป็นได้
8.ผมโตแล้ว ผมรู้ว่าผมจะต้องทำยังไงน่า
9.บอ กกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องเข้ามาจัดห้อง หาของไม่เจออีกแล้ว เห็นไหมล่ะ
10.ของเก่าๆ เก็บไว้ทำไม รกบ้านเปล่าๆ ใช้การอะไรไม่ได้แล้ว สำหรับเรามันอาจจะไร้ค่า แต่มันอาจมีค่าสำหรับพ่อแม่นะ คุณค่าทางใจน่ะ ประโยคเหล่านี้ เราอาจเคยพูดกับพ่อแม่ ทุกคน อย่ ารอจนถึงวันที่ เรารู้คุณค่า แต่ท่านไม่อยู่แล้วเรามีเวลาอยู่ด้วยกันไม่นานนักหรอ ก
ที่มา นุสนธิ์บุคส์ san-sabai
