6 เรื่องที่บ่งบอ กว่าคุณทำงานทั้งปีก็ไม่ร ว ย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงาน มานานแต่แล้วก็ยังไม่ร ว ย นั่นอาจเป็นเพราะคุณทำสิ่งต่อไปนี้อยู่หรือเปล่า วันนี้เราจะพามาดูเกี่ยวกับเรื่องที่อาจทำให้การงานของคุณไม่ก้าวหน้า ไม่ไปไหนสักที จะมีอะไรบ้างเราไปดูพร้อมๆกันเลย

1. พูดคุยเรื่องงานในแง่ลบให้คนในครอบครัวฟัง

ช่วงเวลาสุขสันต์อ ย่ างเวลาทานข้าวกับครอบครัว จากที่เคยเป็นการพูดคุยเรื่องราวสนุกสนานในที่ทำงานของเรา วีรก ร ร มน่าสนุกของลูกที่โรงเรียน และวางแผนไปเที่ยวด้วยกัน ในวันหยุด ย า ว ที่จะมาถึง ถูกแทนที่ด้วยการถูกตำหนิและถูกต่อว่าจากที่ทำงานของเราเป็นหัวข้ อหลักแทรกด้วยพฤติก ร ร มที่ไม่ดีของเพื่อนร่วมงานวันแล้ววันเล่าที่คนในครอบครัว ของเราได้รับฟัง แต่เรื่องงานในเชิงลบหากสถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและมีแนวโน้ม ว่าจะบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจต้องเริ่มพิจารณาถึงงานของเราอ ย่ างจริงจังมากขึ้นแล้ว

2. รู้สึกว่าอยู่ต่อไปยังไงก็ไม่โต

ถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสก้าวหน้า ในที่ทำงานเลย ก็ไม่แปลกที่จะนึกถึงเรื่องหางานใหม่เพราะโอกาสในการก้าวหน้า คือเป้าห ม า ยสำคัญในการทำงานของมนุษย์เ งิ นเดือน อ ย่ างเราซึ่งโอกาสในการก้าวหน้าที่ห ม า ยถึงอาจไม่ใช่แค่การเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเพียงอ ย่ างเดียวแต่มันอาจจะห ม า ยถึงการได้รับโอกาสใหม่ ๆ เช่น การได้รับมอบห ม า ยให้

ทำโปรเจกต์ใหม่ ได้ทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน หรือได้เรียนรู้ งานจากระดับหัวหน้างานยังไ ก็ต ามก่อนที่คุณจะรีบลาออ กจากงานด้วยเหตุผลนี้ลองเข้าไปคุยเรื่องนี้กับหัวหน้างาน ก่อนจะดีที่สุดแต่ถ้าคุยแล้วยังดูไม่มีโอกาสล่ะก็ อ ย่ ารอช้าที่จะลาออ กมาหาที่ที่ให้โอกาสคุณก้าวหน้ามากกว่านี้

3. คิดถึงภาพตอนเกษียณ

ถ้าอยู่ ๆ ก็จินตนาการภาพตัวเองปลดเกษียณ หยุดทำงานและนอนพักผ่อ นอยู่บ้ าน บางคนถึงขั้นนับปี นับเดือน นับวันที่จะเกษียณจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลยเพราะในแต่ละวันนั้น ไม่ได้มีแรงจูงใจให้ อ ย าก ไปถึงที่ทำงานไม่ได้มี Passion ที่ อ ย าก จะสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าออ กมาชีวิตการทำงานหมดไปกับงานที่ทำแบบส่ง ๆ เท่านั้นก็อาจจะถึงเวลาที่ เราต้องเริ่มมองหาทางใหม่ ๆ ได้แล้วเพราะการนิ่งดูดาย ต่อเวลาที่ผ่านไปแบบนี้ ไม่สามารถช่วยให้ความหวังที่จะเกษียณเป็นจริงได้แน่นอน

4. เบื่อและไม่อย ากทำงาน

ภาพที่ทุกคนจำได้ว่าเราคือเบอร์หนึ่งในแผนกห า ยไป ทุกวันนี้แค่จะเข็นให้งานเสร็จสักชิ้นในแต่ละสัปดาห์ยัง ย า ก เลย เพราะเราเริ่มเช็กโซเชียลทุก ๆ สิบนาทีการทำงาน กล า ยเป็น สิ่งสุดท้ายที่คิดถึง หมดความกระตือรือร้นและเบื่อหน่ายอยู่ตลอ ดเวลางานที่ได้รับมอบห ม า ยมาถูกปล่อยค้างเอาไว้ ซึ่งนอ กจากกระทบต่องานของตัวเองแล้ว

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยังส่งผลให้เริ่มมี ปากเ สี ยง กับเพื่อนร่วมงานเนื่องจากงานของเราช้าเกินกำหนดกระทบต่อระบบการทำงานในแผนกหนักกว่านั้นคือ การทะเลาะกับหัวหน้า จนทำให้รู้สึกว่า เราไม่สามารถควบคุมอะไรในการทำงานได้เลย

5. เริ่มมองหางานใหม่

ถ้าเว็บที่เราเข้าเริ่มเปลี่ยน เป็นเว็บไซต์หางาน เริ่มพิมพ์คำว่า หางานลงไปใน Search Engine พร้อมเคาะปุ่มเอ็นเทอร์นั่นเท่ากับว่าเราผ่านจุด สุดท้ายของความอ ดทน ในงานปัจจุบันไปแล้ว และหากทุกวัน มีแต่คำว่าฉันจะหางานใหม่! แวบเข้ามาในความคิดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ต ามอาจ ไม่เป็นการดีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยการทนทำงานที่ ไม่สร้างความสุขแบบนี้ต่อไป ซึ่งนอ กจากจะเป็นผลเ สี ยต่อตัวเองแล้ว ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมถึงบริษัทก็ต่างได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

6. ระบบ ชี วิ ต พั ง

จากที่เคยเป็น คนนอนหลับง่าย กล า ยเป็นคนนอนไม่หลับ ตื่น มากลางดึกบ่อย ๆ เพราะต้องเก็บเอาความ เ ครีย ด จากเรื่องงานไปนอนฝัน นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบชีวิตที่แปรปรวน หนำซ้ำบางคนจากที่เคย สุ ข ภ า พ แข็งแรงกลับมีอาการป่ ว ยบ่อยขึ้นซึ่งการป่ ว ย ทางกายนี่แหละที่เป็นตัวชี้วัดอ ย่ างหนึ่งได้ เช่นกันว่า สุ ข ภ าพจิ ต ของเราอาจจะกำลัง แ ย่ ไปด้วย

นอ กจากนี้หากงานรบกวน ความคิดจนทำให้ทุก ๆ เย็นต้องนัดเพื่อนออ กไปสังสรรค์เพื่อให้ห า ย เ ครีย ด จนเริ่มมีสโลแกนติดปากใน ห มู่เพื่อนว่า ดื่ ม เพื่อให้ลืมงานก็อาจเป็น สัญญาณเตือนครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นแล้วว่างานนี้อาจจะไม่เหมาะกับเราอีกต่อไปเมื่อ อ่ า น มาถึงตรงนี้ ถึงจะรู้สึกว่ามีหล า ยสัญญาณ ที่ตรงกับเราแล้วก็อ ย่ าเพิ่งรีบตัดสินใจลาออ กจากงาน

ทางที่ดีกว่าคือ การเริ่มตรวจสอบตัวเองพิจารณาว่าเรากำลังเผชิญกับปัญหาอะไรเราแก้ไขให้มันดีขึ้นได้ไหมเพราะ หากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุจากตัวเราเองไม่ว่าจะเปลี่ยนงาน อีกกี่แห่งปัญหานี้ ก็ไม่ห า ยไป ค่อย ๆ วางแผนและตัดสินใจอ ย่ างรอบคอบเชื่อว่า ทุกคนสามารถกลับมามีความสุข สร้างสมดุลทั้งชีวิตและการงานในอนาคตได้อ ย่ างแน่นอน

ที่มา j o b t h a i  fahhsai