สอนลูกให้รู้จักความลำบากบ้าง โตมาเขาจะพึ่งตัวเองได้

เราเลี้ยงลูกให้สบายเกินไป ได้อะไรมาง่ายเกินไป จนลูกไม่เห็นคุณค่า ไม่รู้จักพย าย าม ไม่มีความอ ดทน เมื่อโตขึ้น ก็อ ดทนไม่เป็น ยอมแพ้อะไรง่ายๆ สุดท้ายกลับมาเป็นภาระให้พ่อแม่ต้องดูแล จัดการให้ทุกเรื่อง

เรารักลูกมากเกินไป จนสร้างกะลาความสุขที่ไม่มีจริง มาครอบลูกไว้ พอลูกโตเกินกว่าที่จะอยู่ในกะลา พอออ กไปเจอโลกของความเป็นจริง ก็รับไม่ได้ ช็อค จัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ส่งผลต่างๆกับลูก

พ่อแม่ทุกคน รักลูกตัวเอง แต่ก็มีพ่อแม่หล า ยคนที่รักลูกแบบผิ ดวิ ธีเพราะกลัวลูกจะลำบากจึงหาให้ลูกทุกอ ย่ าง แต่สิ่งที่คุณกำลังทำอาจจะเป็นการทำร้ า ยลูกทางอ้อม มีเรื่องเล่าจากครอบครัวหนึ่ง ลูกชายที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นได้ขอเ งิ นแม่ไปเที่ยวข้างนอ กกับเพื่อน

แม่จึงบอ กว่า ลูกรู้ไหมว่า สมัยก่อนตอนที่แม่อายุเท่าลูก ไม่เคยได้ไปเที่ยวแบบลูกหรอ กนะ แม่ต้องคอยหางานทำ อะไรที่ได้เ งิ น ก็ทำหมดพับถุงกระดาษขาย ตัดใบตองส่งตลาดให้แม่ค้าเพราะเ งิ นทอง เป็นของห า ย าก

กว่าจะหามาได้แต่ละบาทแม่ไม่ได้มีเ งิ นให้ขอแบบสมัยนี้หรอ ก ลูกก็ได้แต่เงียบฟังแม่ แม่ก็เล่าต่ออีกว่า ลูกต้องรู้จักความลำบากบ้างต้องรู้จักประหยัดรู้จักใช้เ งิ น ไม่อ ย่ างนั้น จะลำบากขึ้นรถเมล์ก็ยังไม่เป็น

แล้วจะเอาตัวรอ ดยังไงเมื่อแม่สอนแกลมบ่นเล็กๆ ก็ยื่นเ งิ นให้ลูก ซึ่งนี่คงเป็นสิ่งที่พ่อแม่หล า ยคน มักจะทำเวลาที่ลูกขอเ งิ น จะคอยเล่าเรื่องราวในอ ดีตที่ตัวเองเคยประสบพบเจอมาในช่วงอายุเท่ากันแล้วค่อยให้เ งิ นลูกไป

เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้และเข้าใจถึงคุณค่าของเ งิ น ให้มากกว่านี้สมัยนี้พ่อแม่กลัวแต่ลูกจะลำบาก กลัวลูกจะไม่สะดวกสบาย เลยต้องหาทุกอ ย่ างมาประเคนให้ลูกหมด ลูกไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะพ่อแม่ เก็บไว้ให้หมดแล้ว

ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อน มาก ที่ไม่มีใครหามาให้อย ากได้อะไร ก็ต้องทำงานเก็บเ งิ นหามาเอง ไม่มีคำว่า ม ร ด กทุกอ ย่ างต้องใช้หนึ่งสมองและสองมือที่มีที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ให้ลูกทั้งหมด มักเกิดจากการที่ไม่มี ตอนเ ด็ กจึงอย ากให้ลูกมี ไม่ต้องลำบากเหมือนตัวเองสะท้อนถึงสิ่งที่ตัวเอง

อย ากจะได้ในตอนเ ด็ กแต่การที่เลี้ยงลูก โดยไม่ให้เจอ กับความลำบาก จะกล า ยเป็นการ สร้างความลำบาก ให้ลูกตอนโตมากกว่า สร้างนิสัยที่ไม่สู้งานหนักไม่เอาเบาไม่สู้ เพราะเคยได้อะไรแบบง่ายๆมาตลอ ดชีวิตเ งิ นก็เปรียบเสมือน คอเลสเตอรอลมีน้อยไปก็ไม่ดี มีมากเกินไปก็อันตร า ย

พ่อแม่ต้องมองถึงอนาคตของลูกให้ดีเพราะหากให้มากจนเกินไป ก็จะทำให้ลูกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หาเ งิ นเองไม่เป็น ใครๆก็รักลูก แต่ต้องรู้จักวิ ธีรักลูกให้เป็นด้วยตัวอ ย่ างจากมหาเ ศ ร ษ ฐีลำดับต้นๆของโลก

ได้สอนลูกหลานของเขาว่าลูกๆจะต้องเผชิญกับปัญหา และหนทางของพวกเขาเองถึงแม้ลูกๆจะรู้ว่า มีพ่อผู้เป็น มหาเ ศ ร ษ ฐีคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง แต่ก็ต้องลงมือ ลงแรงทำด้วยตัวเอง

มหาเ ศ ร ษ ฐีได้ให้ม ร ด กแก่ลูกหลาน แค่พอประมาณเพราะเขาไม่ต้องการให้ลูกรักสบายจนเกินไป เขามีความคิด ที่ว่าผมจะให้เ งิ นกับลูกๆในจำนวนที่มากพอ ที่เขาจะสามารถนำไปทำอะไรต่อได้ แต่ไม่มากพอที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลยนั่นเป็นความคิดของคนที่เป็นถึงเ ศ ร ษ ฐีอันดับต้นๆของโลก

ที่ไม่ต้องทำอะไรก็ยังมีกิน มีใช้ ได้ทั้งชีวิต แต่เขากลับไม่สอนลูกหลานแบบนั้น เพราะเขารู้ดีว่าการให้ที่มากจนเกินไป เป็นเรื่องที่อันตร า ยและเป็นการทำร้ า ยลูกทางอ้อม

โบราณได้มีสุภาษิตที่ว่า สอนลูกจับปลาไม่ใช่จับปลาให้ลูกกิน เพราะการจับปลาให้ลูกเขาจะได้กินปลา แค่วันนั้น วันเดียว แต่ถ้าสอนให้ลูกจับปลาเป็นเขาจะหากินได้ไปทั้งชีวิต สิ่งที่ควรให้ลูกมากกว่าเ งิ น

คือ การที่ให้เขา มีโอกาสที่จะได้เรียน มีวิชาความรู้ติดตัวมากพอที่เขาจะสามารถใช้ชีวิตและเอาตัวรอ ดได้ ถ้าหากวันหนึ่งคุณไม่ได้อยู่ คอยช่วยเหลือเขาจากข้างหลัง คุณก็สามารถที่จะมั่นใจได้ว่าลูกๆจะอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง

ที่มา    forlifeth